รุนแรงต่อเนื่อง! จนท. ยังปิดล้อมมหาวิทยาลัย กดดัน “ม็อบฮ่องกง”

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ชุมนุมประท้วงใน “ฮ่องกง” ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลา 5 เดือน หลังจากที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในการประท้วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจปิดล้อม “มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิค” (โพลียู) เพื่อควบคุมสถานการณ์และกดดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ยอมมอบตัว ตั้งแต่จากวันที่ 17 พ.ย. ต่อเนื่องมาเป็นเวลาเกิน 48 ชม.แล้ว

โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ชุมนุมที่ประกอบไปด้วยนักเรียนนักศึกษาจำนวนหลายร้อยคน ได้รวมตัวกันในเขตโพลียูเพื่อเตรียมการชุมนุมในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนที่จะมีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างดุเดือดในวันที่ 17 พ.ย. โดยกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามใช้อาวุธหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นระเบิดขวด ธนู และหนังสติ๊กขนาดใหญ่ รวมถึงวัตถุไวไฟจากห้องวิจัยของมหาวิทยาลัย เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาในเขตโพลียู

การปะทะกันยังส่งผลให้เจ้าหน้าที่รายหนึ่งถูกยิงด้วยธนูได้รับบาดเจ็บ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขู่ว่าจะใช้กระสุนจริงกับกลุ่มผู้ชุมนุม ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมหวาดกลัวว่า จะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถูกดำเนินการทางกฎหมายอย่างรุนแรงหากออกมายอมมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ ทำให้ผู้ชุมนุมบางรายตอบโต้เจ้าหน้าที่อย่างรุนแรง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจปิดล้อมโพลียูเพื่อกดดันกลุ่มผู้ชุมนุมในเวลาต่อมา ทำให้มีผู้ชุมนุมจำนวนมากหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่มหาวิทยาลัย

“แคร์รี ลัม” ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงระบุว่า มีผู้ถูกควบคุมตัวที่โพลียูมากกว่า 600 ราย พร้อมทั้งประนามกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงจนสถานการณ์เลวร้ายลง “ขณะนี้มหาวิทยาลัยได้กลายเป็นโรงงานอาวุธ พวกเขาทำให้มันกลายเป็นสนามฝึกทหาร” นางลัมกล่าว

นอกจากนี้ แคร์รี ลัมยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่กำลังพยายามทำหน้าที่อย่างสันติวิธี แต่ภาพการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในมหาวิทยาลัยของเจ้าหน้าที่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากการยิงแก๊สน้ำตาและใช้กระบองทุบตีผู้ชุมนุมอย่างรุนแรง

ขณะเดียวกัน เริ่มมีสัญญาณจากกองทัพจีนที่อาจเข้าแทรกแซงความวุ่นวายในฮ่องกง โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ได้มีการนำทหารจากค่ายของกองทัพจีนแห่งหนึ่งในฮ่องกง ในชุดลำลองออกมาช่วยชาวเมืองทำความสะอาดท้องถนน ซึ่งภาพดังกล่าว สร้างความไม่พอใจให้ชาวฮ่องกงหลายคนที่มองว่าเป็นการส่งสัญญาณการแทรกแซงจากกองทัพ แต่นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า การแทรกแซงทางการทหารจะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของฮ่องกง และอาจส่งผลให้ชาวฮ่องกงจำนวนมากตัดสินใจอพยพ

ส่วนสถานการณ์ในเช้าวันนี้ (19 พ.ย.) ผู้ชุมนุมที่ยังหลบซ่อนอยู่ในเขตโพลียูอีกหลาย 10 คนได้เริ่มแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่าจะยังไม่ยอมยุติการเคลื่อนไหวอย่างถาวร