ปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) ลุกลามในจีนตั้งแต่ปี 2018 และรุนแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อช่วงกลางปีนี้ จนทำให้จีนและเขตปกครองพิเศษอย่าง “ฮ่องกงและมาเก๊า” เกิดปัญหาเนื้อหมูขาดแคลนและราคาพู่งสูง ซึ่งล่าสุด “ฮ่องกง” กำลังพิจารณานำเข้า “หมูมีชีวิต” จากไทย มาเลเซีย และเกาหลีใต้
“โซเฟีย ชาน” รัฐมนตรีกระทรวงอาหารและสุขภาพของฮ่องกง เปิดเผยว่า ฮ่องกงเตรียมจะนำเข้าหมูมีชีวิตจากเอเชีย ซึ่งคาดว่ามาจากประเทศไทย มาเลเซีย และเกาหลีใต้ เพื่อแก้ปัญหาเนื้อหมูที่มีราคาแพงขึ้น ตั้งแต่เกิดวิกฤตนี้ในจีนเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งราคาเนื้อหมูขายปลีกในฮ่องกงสูงขึ้นกว่า 1 เท่าตัว อยู่ที่ 159 ดอลลาร์ฮ่องกง/กก. (ราว 614 บาท) และคาดว่าปลายปีนี้จนถึงต้นปี 2020 อาจเพิ่มขึ้นแตะ กก.ละ 165 ดอลลาร์ฮ่องกง เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
“รอยเตอร์ส” รายงานว่า นักวิเคราะห์ตลาดเนื้อสัตว์โลกของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) มองว่า ปัญหาการประท้วงที่รุนแรงในฮ่องกงก็มีส่วนทำให้ตัวแทนจำหน่ายเนื้อหมูในฮ่องกงหลายรายต้องการนำเข้าหมูจากประเทศอื่น
โดยที่ผ่านมาฮ่องกงได้นำเข้าหมูมีชีวิตจากจีนวันละ 4,000 ตัว แต่ปัจจุบันเหลือเพียงวันละ 1,700 ตัว ขณะที่ฮ่องกงถูกจัดว่าเป็นนักบริโภคเนื้อสัตว์อันดับต้น ๆ ของโลก ในปี 2017 ชาวฮ่องกง 7.4 ล้านคน มีการบริโภคเนื้อหมูคิดเป็นปริมาณเฉลี่ยเกือบ 90 กก./คน (อันดับ 4 ของโลก) อยู่อันดับเดียวกับ “จีนและมาเก๊า” รองจาก “ท็อป 3” ได้แก่ เซอร์เบีย มอนเตเนโกร และสหภาพยุโรปตามลำดับ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตร ประมง และการอนุรักษ์ มีแผนจะเดินทางไป “สิงคโปร์” ในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อศึกษากฎระเบียบการนำเข้าหมูมีชีวิตด้วยการขนส่งทางทะเลจากมาเลเซีย ขณะที่ไทยและเกาหลีใต้ ได้ติดต่อเพื่อแสดงความสนใจที่จะนำเข้าหมูมีชีวิตไปแล้วก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรของสหรัฐระบุว่า “ฮ่องกง” เป็นนักบริโภคเนื้อสัตว์รายใหญ่ของโลก ขณะที่ “สหรัฐ” ก็เป็นผู้ส่งออกเนื้อวัวและเนื้อสัตว์ปีกอันดับที่ 4 ของโลก ทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันแก้ไขวิกฤตการขาดแคลนเนื้อหมูในฮ่องกงได้ และสหรัฐก็มีปริมาณเนื้อสัตว์มากพอที่จะป้อนตลาดฮ่องกงได้