สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริการะบุว่า จะพิจารณาขึ้นอัตราภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยชี้ว่าทั้งสองประเทศมีสกุลเงินที่อ่อนค่าทำให้ได้เปรียบในการส่งออกสินค้า พร้อมทั้งเรียกร้องให้ธนาคารกลางของสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตรการลดค่าเงินดอลลาร์เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรของสหรัฐ
โดยทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า “บราซิลและอาร์เจนตินาได้ควบคุมการลดค่าเงินของตนเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเกษตรกรของเรา ดังนั้นผมจะรื้อฟื้อมาตรการทางภาษีสำหรับเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมดที่ส่งมายังสหรัฐจากประเทศเหล่านั้น และธนาคารกลางควรจะมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศต่าง ๆ จำนวนมากได้ประโยชน์จากเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าของเราอีกต่อไป สิ่งเหล่านี้สร้างความยากลำบากอย่างไม่เป็นธรรมให้กับผู้ผลิต และเกษตรกรของเราในการส่งออกสินค้าของพวกเขา ลดอัตราดอกเบี้ยและใช้นโยบายผ่อนคลาย เฟด!”
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
…..Reserve should likewise act so that countries, of which there are many, no longer take advantage of our strong dollar by further devaluing their currencies. This makes it very hard for our manufactures & farmers to fairly export their goods. Lower Rates & Loosen – Fed!
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) December 2, 2019
หลังจากมีความเคลื่อนไหวของสหรัฐดังกล่าว ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโรของบราซิลได้ออกมาระบุว่าจะเร่งเจรจากับประธานาธิบดีทรัมป์โดยเร็ว โดยกล่าวว่า “เศรษฐกิจของเขาไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับเราได้ มันใหญ่กว่าหลายเท่า ผมไม่เห็นว่านี่คือการตอบโต้ ผมจะเจรจากับเขา เพื่อไม่ให้เขาทำเช่นนี้กับเรา รายได้ของเราโดยพื้นฐานมาจากสินค้าโภคภัณฑ์” ขณะที่นายดันเต ซิกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการผลิตของอาร์เจนตนาก็ระบุว่าจะเจรจากับสหรัฐด้วยเช่นกัน
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งบราซิลและอาร์เจนตินาได้พยายามใช้มาตรการอุดหนุนค่าเงินของตนเองที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ แม้ว่าสหรัฐจะพยายามเรียกร้องให้รัฐบาลของสองประเทศเร่งนโยบายการอุดหนุนค่าเงิน ซึ่งเป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับสินค้าของทั้งสองประเทศในการแข่งขันกับสินค้าส่งออกของสหรัฐ เนื่องจากสินค้าส่งออกของบราซิลและอาร์เจนตินามีราคาถูกกว่าเพราะค่าเงินอ่อน
ในปี 2018 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษีการนำเข้าเหล็ก 25% และอะลูมิเนียม 10% ในบางพื้นที่ของสหรัฐ แต่มีข้อยกเว้นสำหรับการนำเข้าจากบางประเทศรวมถึงบราซิลและอาร์เจนตินาด้วย ซึ่งแม้จะได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีแต่ก็ต้องจำกัดการส่งออก ทั้งนี้ บราซิลเป็นผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่อันดับ 10 ของโลกและสหรัฐเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด โดยสินค้าเหล็กมีสัดส่วนถึง 3.7% ของสินค้าทั้งหมดที่บราซิลส่งออกในปี 2018
ก่อนหน้านี้ หลายประเทศได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ เพื่อตอบโต้การเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่สูงขึ้นของทรัมป์ อย่างจีนที่ขึ้นภาษีสินค้าเกษตรของสหรัฐซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของตอบโต้ในสงครามการค้า
การขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของบราซิลและอาร์เจนตินาครั้งนี้ของสหรัฐถูกมองว่า เป็นความพยายามช่วยเหลือเกษตรในชนบทของสหรัฐที่เป็นฐานเสียงสำคัญของประธานาธิบดีทรัมป์ และอาจทำให้ทั้งสองประเทศหันไปพึ่งพาจีนมากยิ่งขึ้น