สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าแรงงานชาวฝรั่งเศสจำนวนมากนัดหยุดงาน (สไตรค์) เพื่อเดินขบวนประท้วงทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านแผนการปฏิรูประบบบำนาญของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ส่งผลให้การจราจรเป็นอัมพาต และโรงเรียนหยุดการเรียนการสอน
การประท้วงยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ (6 ธ.ค.) โดยเจ้าหน้าที่การรถไฟฝรั่งเศสประกาศหยุดงานเพื่อประท้วงรัฐบาล นอกจากนี้พนักงานระบบขนส่งสาธารณะอย่างเช่น รถไฟฟ้าและรถประจำทาง ก็ร่วมประกาศการประท้วงยืดเยื้อจนถึงวันที่ 9 ธ.ค. อีกด้วย
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรง โดยมีการโยนประทัดใส่เจ้าหน้าที่ ขณะที่บางส่วนทำลายป้ายรถเมล์และเผาถังขยะสาธารณะ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ทำการจับกุมผู้ประท้วงจำนวนหลายสิบคน โดยผู้นำสหภาพแรงงานระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงไม่เกี่ยวข้องกับสหภาพแรงงาน เจ้าหน้าที่ทางการของฝรั่งเศสได้ประเมินว่า มีผู้เข้าร่วมการประท้วงมากถึง 65,000 คนในกรุงปารีสและอีกราว 806,000 คนทั่วประเทศฝรั่งเศส
การประท้วงในครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ประธานาธิบดีมาครงต้องการปฏิรูประบบบำนาญของประเทศ ซึ่งในปัจจุบันประกอบด้วยแผนบำนาญมากกว่า 40 แบบ ซึ่งมีความต่างกันในรายละเอียดทั้งการกำหนดอายุเกษียณและสิทธิประโยชน์หลังเกษียณที่แตกต่างไปตามแต่ละสาขาอาชีพ อย่างเช่น แรงงานการรถไฟสามารถเกษียณอายุได้ก่อนแรงงานจากภาคส่วนอื่น ๆ ของประเทศเฉลี่ยถึง 10 ปี
แต่แผนการปฏิรูปของประธานาธิบดีมาครงจะทำให้ระบบบำนาญเหลือเพียงแค่รูปแบบเดียวสำหรับแรงงานทุกภาคส่วน โดยนายมาครงระบุว่า ระบบบำนาญปัจจุบันขาดความเสมอภาคและสร้างภาระจำนวนมากให้กับรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสต้องการปฏิรูปแผนบำนาญจำนวนมากในประเทศให้เหลือเพียงแค่แบบเดียว โดยคำนวนผลประโยชน์จากการสะสมคะแนนการทำงานของตัวแรงงานเอง ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มแรงงานเป็นจำนวนมาก