สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ เตรียมผลักดันกฎหมายการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ “เบร็กซิท” เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรภายในสัปดาห์นี้ พร้อมผลักดันกฎหมายห้ามการขยายเวลา “ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน” (Transitional Period) หลังเบร็กซิต
ทั้งนี้ “ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน” ดังกล่าวคือช่วงเวลาภายหลังจากที่ “เบร็กซิต” มีผลแล้ว แต่อังกฤษยังคงใช้กฎระเบียบและคงสิทธิพิเศษทางการค้ากับอียู เพื่อให้ภาคธุรกิจมีระยะเวลาในการปรับตัวและให้ผู้นำทั้งสองฝ่ายเจรจาข้อตกลงต่าง ๆ ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ข้อตกลงทางการค้า”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ราคาทองวันนี้ (24 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ 41,100 บาท
โดยอังกฤษจะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านภายหลังถอนตัวออกจากอียูในวันที่ 31 ม.ค. 2020 โดยอังกฤษจะมีระยะเวลาเปลี่ยนผ่านสำหรับการเจรจาข้อตกลงต่าง ๆ กับอียูจนถึงเดือน ธ.ค. 2020 หรือคิดเป็นระยะเวลา 11 เดือน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายสามารถขยายระยะเวลานี้ออกไปได้อีก 2 ปี
ภายหลังชัยชนะของพรรคคอนเซอร์เวทีฟอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด คาดว่านายบอริส จอห์นสัน จะใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อออกกฎหมายห้ามการต่ออายุของระยะเวลานี้ ซึ่งจะส่งผลให้อังกฤษมีเวลาไม่ถึง 1 ปี ในการเจรจาข้อตกลงต่าง ๆ กับทางอียู ซึ่งสร้างความกังวลให้กับภาคธุรกิจของประเทศเป็นอย่างมาก
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอังกฤษ เปิดเผยว่า “รัฐบาลมีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่าจะไม่ขยายระยะเวลาในการเจรจากับอียู” อย่างไรก็ตาม “ไมเคิล บาร์นเนอร์” หัวหน้าทีมเจรจาของอียูกล่าวเตือนว่า ช่วงระยะเวลาเพียงแค่ 11 เดือน อาจจะไม่เพียงพอต่อการหาข้อสรุปในการเจรจา โดยเฉพาะข้อตกลงทางการค้าระหว่างทางอังกฤษและอียูซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก
โดยถ้าหากอังกฤษไม่สามารถสรุปข้อตกลงการค้ากับทางอียูได้ จะส่งผลให้อังกฤษต้องใช้กฎเกณฑ์ทางการค้าขององค์การการค้าโลก (WTO) ในการค้าขายกับทางอียู ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากกับภาคธุรกิจของประเทศ