“สี จิ้นผิง” ชม “แครรี่ ลัม” รับมือม็อบได้ดี สยบข่าวลือเปลี่ยนตัวผู้บริหารฮ่องกง

สำนักข่าวเซาท์ไช่น่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนได้พบปะกับนางแคร์รี่ ลัม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงในวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยกล่าวชื่นชมความกล้าหาญและความมุ่งมั่นของนางลัม ในการรับมือกับสถานการณ์ประท้วงในฮ่องกง โดยยังยืนยันในการสนับสนุนนางลัมให้เป็นผู้นำฮ่องกงต่อไป แต่ยังเตือนว่า เธอยังไม่บรรลุภารกิจสำคัญในการยุติความรุนแรงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมากว่าครึ่งปี

ทั้งนี้ นางแคร์รี่ ลัมได้เข้าพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเป็นครั้งที่ 2 ในการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งถึง 3 ครั้งในรอบเพียง 2 เดือน โดยได้หารือแลกเปลี่ยนกันเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในฮ่องกงที่มีรายละเอียดและซับซ้อนที่สุด นับตั้งแต่ฮ่องกงกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของจีนในปี 1997

“คุณได้ทำงานอย่างหนักในสถานการณ์ที่ยากลำบาก” ประธานาธิบดีสีกล่าวกับนางลัม “รัฐบาลกลางยอมรับความกล้าหาญและความมุ่งมั่นของคุณท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่สงบเหล่านี้” นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสียังกล่าวแสดงการสนับสนุนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง “ผมหวังว่าทุกภาคส่วนในสังคมจะทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันการพัฒนาฮ่องกง และนำกลับมาสู่ความปกติ”

ขณะที่นางลัมได้กล่าวขอบคุณประธาธิบดีสีสำหรับ “การเอาใจใส่และการให้คำแนะนำ” ตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งการให้ความไว้วางใจและการสนับสนุนในการรับมือกับวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

ก่อนหน้านี้ นางลัมได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน ซึ่งก็ได้กล่าวชื่นชมความพยายามของนางลัมในการจัดการเหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของฮ่องกง “คุณได้เป็นผู้นำคณะผู้บริหารที่ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องความมั่งคงทางสังคม และดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจและความมั่นคงของการจ้างงาน กล่าวได้ว่าคุณกำลังรับมือสถานการณ์ที่ยากลำบากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้เป็นอย่างดี”

อย่างไรก็ตาม นายหลี่กล่าวว่า “ฮ่องกงยังคงไม่หลุดพ้นจากความยากลำบาก ผู้บริหารยังต้องพยายามอย่างต่อเนื่องในการยุติความรุนแรงและความวุ่นวาย ด้วยกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ”

ภายหลังจากการพบปะกับผู้นำระดับสูงของรัฐบาลจีน นางลัมได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เป็นการยากที่จะเปรียบเทียบคำพูดของผู้นำแต่ละคนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของดิฉัน แต่ดิฉันรู้สึกได้รับกำลังใจจากการที่ประธานาธิบดีเข้าใจแรงกดดันที่ดิฉันเผชิญอยู่”