ส.ส.มะกันลงมติเห็นชอบ USMCA หวังกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาได้มติเห็นชอบความตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา หรือ USMCA ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การนำเข้าส่งออกระหว่างสามประเทศ ปัญหาค่าจ้างและแรงงาน ไปจนถึงระเบียบเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งจะถูกใช้แทนที่ความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ NAFTA ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1994

โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงมติด้วยคะแนน 385 ต่อ 41 คะแนนเห็นชอบต่อ USMCA แต่ความตกลงนี้ยังต้องเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาสหรัฐต่อไป ซึ่งยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าวุฒิสภาจะใช้เวลาในการพิจารณานานเท่าใด แต่เป็นไปได้ว่าการพิจารณา USMCA จะเกิดขึ้น หลังจากพิจารณาถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือน ม.ค. 2020

ทั้งนี้ USMCA ได้บรรลุการเจรจามาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2018 นำโดยประธานาธิบดีทรัมป์ที่แสดงความต้องการที่เจรจาแก้ไขข้อตกลงของ NAFTA เนื่องจากมองว่าสหรัฐเสียเปรียบทางเศรษฐกิจในข้อตกลง NAFTA หลายด้าน อย่างเช่นค่าแรงที่ถูกกว่าสหรัฐของเม็กซิโก ทำให้สหรัฐต้องปิดโรงงานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการเจรจา USMCA ต่อมา

ด้าน “แนนซี เพโลซี” ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เปิดเผยว่า สภาผู้แทนราษฎรได้เห็นชอบต่อ USMCA หลังจากที่ได้พยายามเรียกร้องให้ความตกลงฉบับใหม่นี้มีการสร้างความแข็งแกร่งให้กับกฎระเบียบเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงาน กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม และประเด็นเรื่องสิทธิบัตรยา เป็นผลสำเร็จ

ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมสหรัฐยังได้แสดงความยินดีต่อการลงมติเห็นชอบ USMCA ของสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ โดยแมตต์ บลันต์ ประธานสภานโยบายยานยนต์อเมริกัน ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท Detroit ผู้ผลิตรถยนต์ Ford GM และ Fiat Chrysler ระบุว่า “การที่สภาเห็นชอบ USMCA นับเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่บทสรุปของข้ตกลงการค้าแห่งศตวรรษที่ 21 ที่รอคอยมาอย่างยาวนาน ซึ่งข้อตกลงการค้าที่ทันสมัยระหว่างคู่ค้าในอเมริกาเหนือของเรา จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์และห่วงโซ่อุปทานหารผลิตรถยนต์ของสหรัฐ”

อย่างไรก็ตาม มาร์ซี แคปเตอร์ ส.ส.สหรัฐจากรัฐโอไฮโอ ซึ่งออกเสียงไม่เห็นชอบต่อข้อตกลงดังกล่าว ระบุว่า “USMCA แทบจะไม่ส่งผลดีอะไรต่อเกษตรกรรายย่อยของเราที่ต้องทนทุกข์ภายใต้สงครามการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ และยังไม่มีระเบียบการบังคับใช้กฎว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานอย่างแท้จริง”

ขณะที่ คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐคาดว่า ในเดือน เม.ย. 2020 USMCA จะเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างค่อยเป็นค่อยไปในเดือน เม.ย. 2020 โดยคาดว่าจะมีตำแหน่งงานเพิ่มในประเทศราว 176,000 ตำแหน่งภายในระยะเวลา 15 ปี นอกจากนี้ ยังจะช่วยเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจขึ้นถึง 0.35% หรือราว 68,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี

นอกจากนี้ USMCA ยังมีการเพิ่มเติมประเด็นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต การบริการดิจิทัล และการพัฒนาอีคอมเมิร์ซ ซึ่งไม่ได้บรรจุไว้ในข้อตกลง NAFTA และยังมีข้อตกลงเพื่อขจัดอุปสรรคสำหรับการค้าสินค้าเกษตรของสหรัฐ รวมทั้งยังมีการกำหนดระเบียบห้ามการบิดเบือนค่าเงินเป็นครั้งแรกอีกด้วย

แต่เป้าหมายสำคัญคือ การเพิ่มปริมาณการผลิตรถยนต์และรถบรรทุกในภูมิภาค จากเดิมที่ NAFTA กำหนดไว้ที่ 62.5% เป็น 75% พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้เหล็กและอะลูมิเนียมของอเมริกาเหนือ ขณะเดียวกันก็กำหนดว่า ยานยนต์จำนวน 40%-45% ต้องผลิตในพื้นที่ที่มีอัตราค่าแรงสูงกว่า 16 ดอลลาร์สหรัฐ/ชม. ซึ่งหมายความว่า ยานยนต์ที่สร้างขึ้นในเม็กซิโกหรือภูมิภาคอื่นที่ค่าแรงต่ำอาจไม่ได้รับสิทธิการนำเข้าปลอดภาษีของสหรัฐ