“จีน” ประชุมไตรภาคีกับ “ญี่ปุ่น” และ “เกาหลีใต้” ลดอุณหภูมิความขัดแย้งในภูมิภาค

สำนักข่าวอัลจาซีร่ารายงานว่า “จีน” เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมไตรภาคีระดับผู้นำกับกับ “ญี่ปุ่น” และ “เกาหลีใต้” ในวันนี้ (24 ธ.ค.) ที่นครเฉิงตูของจีน เพื่อเป็นตัวกลางในการผ่อนคลายความขัดแย้งในภูมิภาคจากข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการพบปะกันระหว่างนายกรัฐมาตรีชินโสะ อาเบะของญี่ปุ่นและประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีกำหนดวาระการหารือในประเด็นความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับ “เกาหลีเหนือ” อีกด้วย

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ตกต่ำลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จากปัญหาความขัดแย้งทางการค้า ซึ่งเป็นผลมาจากข้อพิพาททางประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศระหว่างปี 1910-1945 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลี แม้ว่า สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรของทั้งสองประเทศจะเรียกร้องให้ทั้งสองเร่งยุติความขัดแย้ง แต่สหรัฐก็ไม่ได้แสดงบทบาทในการเป็นตัวกลางเพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเท่าที่ควร

โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเมืองจีนอย่าง ศาตราจารย์ฮารูโกะ ซาโต้ แห่งมหาวิทยาลัยโอซาก้าให้ความเห็นว่า “จีนต้องการแสดงความเป็นมหาอำนาจผ่านบทบาททางการทูต โดยการนำผู้นำของทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง”

ขณะที่เมื่อวานนี้  (23 ธ.ค.) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้พบปะหารือแบบทวิภาคีกับผู้นำทั้งสองประเทศ โดยภายหลังหารือทวิภาคีระหว่างผู้นำจีนและเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีมุน แจอินได้กล่าวชื่นชมบทบาทของจีนในการส่งเสริมกระบวนการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อรักษาสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่ภายหลังการหารือระหว่างจีนและญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะได้ระบุว่า “ทั้งจีนและญี่ปุ่นมีหน้าที่ร่วมกันรับผิดชอบต่อความสงบ ความมั่นคง และความเจริญของภูมิภาค”

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ความขัดแย้งระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นทางประวัติศาสตร์ซึ่งหาทางออกได้ยาก โดย “ยุน ดุ๊ก มิน” อดีตอธิการบดีสถาบันด้านการทูตแห่งเกาหลีใต้ ระบุว่า “บทบาทของจีนในครั้งนี้ยังคงไม่สามารถยุติความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้”