“อิหร่าน” ฮือประท้วง จี้ รบ. รับผิดชอบยิงเครื่องบินตก “โดยไม่ตั้งใจ”

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ชาวอิหร่านจำนวนมากได้รวมตัวประท้วงรัฐบาลเมื่อวันที่ 11 ม.ค. โดยเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบต่อกรณีการโจมตีเครื่องบินโดยสารของสายการบิน “ยูเครน อินเทอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ส” ตกลงสู่พื้นดินเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งลำรวมทั้งสิ้น 176 ราย ซึ่งต่อมารัฐบาลอิหร่านยอมรับว่าเกิดจากการโจมตี “โดยไม่ได้ตั้งใจ”

ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมชาวอิหร่านหลายพันคนได้รวมตัวกันที่หน้ามหาวิทยาลัยชารีฟและมหาวิทยาลัยอามีร์ กาบีร์ ใกล้สถานทูตสหรัฐอเมริกาในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน เพื่อประณามการกระทำของรัฐบาลที่โจมตีเครื่องบินพลเรือน และระบุว่าเป็นเหตุขัดข้องของเครื่องบิน ก่อนที่จะยอมรับในภายหลังว่าเป้นสาเหตุจากการโจมตีทางทหารโดย “ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่” 

โดยกลุ่มผู้ประท้วงต่างโกรธแค้นและมองว่ารัฐบาลอิหร่านโกหกและพยายามปกป้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และเรียกร้องให้ “อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี” ผู้นำสูงสุดของอิหร่านก้าวลงจากตำแหน่ง และเร่งหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าวมาดำเนินคดีโดยเร็ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าควบคุมสถานการณ์

ความโกรธแค้นของกลุ่มผู้ชุมนุมเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลอิหร่านออกมายอมรับว่าการโจมตีเครื่องบินดังกล่าวเป็นความผิดพลาด ตามคำแถลงการณ์ของกองทัพอิหร่านระบุว่า หลังปฏิบัติทางการทหารของสหรัฐในการลอบสังหารนายพลคัสเซม โซไลมานี พบว่า เที่ยวบินทหารของสหรัฐเพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้มีการใช้ระบบป้องกันน่านฟ้าของอิหร่านในระดับสูง แต่เกิดการระบุผิดพลาดว่าเครื่องบินโดยสารดังกล่าวเป็นขีปนาวุธร่อนของสหรัฐ

“เครื่องบินได้บินเข้าใกล้ศูนย์กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ซึ่งมีการเฝ้าระวังความปลอดภัยระดับสูง และยังมีสภาพการบินคล้ายกับอากาศยานเป้าหมายของศัตรู ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เครื่องบินดังกล่าวจึงถูกโจมตีโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งน่าเศร้าใจอย่างยิ่งที่ส่งผลให้ชาวอิหร่านและชาวต่างชาติเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก” แถลงการณ์ระบุ

ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเป็นชาวอิหร่าน 82 ราย ชาวแคนาดา 63 ราย ชาวยูเครน 11 ราย และชาติอื่น ๆ อย่างสวีเดน อัฟกานิสถาน เยอรมนีและอังกฤษอีก 20 ราย ภายหลังประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานีของอิหร่านได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต “สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความผิดพลาดอันร้ายแรงนี้ ขอส่งความอาลัยและคำอธิษฐานของข้าพเจ้าไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกราย”

สำนักข่าวบีบีซีรายงานด้วยว่า ในการประท้วงครั้งนี้ยังมีการจับกุม “โรเบิร์ต มาแคร์” เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำอิหร่านที่เข้าร่วมการไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ก่อนที่จะยกระดับเป็นการชุมนุม แต่ได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของอิหร่าน โดยระบุว่า “การจับกุมเอกอัครราชทูตของเราในกรุงเตหะราน โดยไม่มีเหตุผลหรือคำอธิบาย เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดแจ้ง”

ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ทวิตข้อความระบุว่า รัฐบาลสหรัฐขอยืนเคียงข้างชาวอิหร่านที่กล้าหาญและทุกข์ยากมากอย่างยาวนาน “เรากำลังติดตามการประท้วงของคุณอย่างใกล้ชิด และความกล้าหาญของคุณคือแรงบันดาลใจ”