สหรัฐขึ้นทะเบียนสื่อภายใต้รัฐบาลจีน ชี้บิดเบือนข้อมูล-คุกคามความมั่นคง

AFP Photo/ISAAC LAWRENCE

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริกาได้ประกาศให้บริษัทด้านสื่อสัญชาติจีน 5 แห่ง อย่าง ซินหัว, ไชน่า โกลบอล เทเลวิชั่น เน็ตเวิร์ค (ซีจีทีเอ็น), ไชน่า เรดิโอ อินเตอร์เนชั่นแนล, ไชน่า เดลี่ และไห่ เทียน ดีเวลลอปเมนต์ จัดอยู่ในประเภทหน่วยงานภายใต้ของรัฐบาลจีน ในการปฏิบัติภารกิจนอกประเทศจีน

ทั้งนี้ ทางการสหรัฐได้ระบุให้ “พนักงาน” ขององค์กรเหล่านี้ในสหรัฐ จะต้องขึ้นทะเบียนกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ในลักษณะเดียวกันกับพนักงานสถานทูตและสถานกงสุล และบริษัทยังต้องรายงานกิจกรรมทางการเงิน การถือครองอสังหาริมทรัพย์ และจะต้องขออนุมัติจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ หากต้องการซื้อขายเพิ่มเติมด้วย

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า “หน่วยงานทั้ง 5 แห่งนี้เข้าข่ายคำนิยามของการภารกิจในต่างประเทศตามกฎหมายของสหรัฐ ซึ่งกล่าวได้ว่า หน่วยงานเหล่านี้เป็นของรัฐและอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลต่างชาติ พวกเขาถูกควบคุมโดยรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างแท้จริง”

ทั้งนี้ ซินหัว, ไชน่า เดลี่ ภาษาอังกฤษ, ไชน่า เรดิโอ และซีจีทีเอ็นภาคภาษาอังกฤษ ถูกควบคุมโดยตรงโดยรัฐบาลกลางของจีน ขณะที่ ไห่ เทียน เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายหนังสือพิมพ์อย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน “พีเพิลส์ เดลี่” ในนครนิวยอร์ก

ประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐครั้งนี้ เป็นผลมาจากความหวาดระแวงที่เพิ่มสูงขึ้นของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัตติของสหรัฐที่มองว่า จีนเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐและพันธมิตร โดยเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายมาร์ก เอสเปอร์ รมว.กระทรวงกลาโหมและนายไมก์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้แสดงความกังวลผ่านการประชุมความมั่นคงที่มิวนิก ประเทศเยอรมนี โดยระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังเดินทางผิดภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยนายปอมเปโอชี้ว่า จีนไม่ต่างจากรัสเซียและอิหร่านที่เป็นภัยคุกคามต่อยุโรปและสหรัฐ

ก่อนหน้านี้ สมาชิกสภาคองเกรซจากพรรครีพับลิกัน 35 คนได้ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดสหรัฐเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยเรียกร้องให้มีการสอบสวนไชน่า เดลี่ เพื่อระบุให้เป็นหน่วยงานของรัฐบาลต่างชาติ โดยมีการยื่นหนังสือเรียกร้องให้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยุติการโฆษณาชวนเชื่อของจีน และสอบสวนบทบาทของไชน่า เดลี่ในการบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับทางการจีนในต่างประเทศ รวมถึงการละเมิดกฎหมายของสหรัฐด้วย