“ไวรัส” ช่วยกระชับมิตรภาพ สัมพันธ์ “ญี่ปุ่น-จีน” อบอุ่นกว่าเดิม

(Photo by Behrouz MEHRI / AFP)

คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก

นงนุช สิงหเดชะ

 

ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับ ญี่ปุ่น ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ระหองระแหงกันมาโดยตลอด ทั้งจากปมประวัติศาสตร์ที่ญี่ปุ่นเคยรุกรานจีน และปมพิพาทดินแดนซึ่งทั้ง 2 ประเทศแย่งชิงกรรมสิทธิ์เหนือ หมู่เกาะเซนกากุ หรือที่จีนเรียกว่า เตียวหยู ในทะเลจีนตะวันออก รวมถึงการที่จีนระแวงว่าญี่ปุ่นคือตัวแทนของอเมริกาและชาติตะวันตกในเอเชีย-แปซิฟิก

อย่างไรก็ตาม จุดที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นตกต่ำมากที่สุด ก็คือปลายปี 2555 ในยุครัฐบาลชินโสะ อาเบะ เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นซื้อบางส่วนของหมู่เกาะเซนกากุจากภาคเอกชน ส่งผลให้เกิดการประท้วงรุนแรง มีการทำลายธุรกิจและทรัพย์สินของญี่ปุ่นในจีนครั้งใหญ่ในหลายเมือง จนกระทั่งปลายปี 2561 สัมพันธ์ของ 2 ประเทศดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อนายกรัฐมนตรีอาเบะ เดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี

วิกฤตการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสหรือโควิด-19 ในจีน ถูกตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งข้อสังเกตนี้ถูกรายงานไว้ในหนังสือพิมพ์ เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ ของฮ่องกง ที่ระบุว่าการที่ญี่ปุ่นสนับสนุนจีนและส่งความปรารถนาดีเพื่อให้กำลังใจต่อสู้กับไวรัสได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อจีน มีการรายงานความปรารถนาดีของคนญี่ปุ่นทั้งในสื่อออนไลน์และสื่อรัฐของจีนอย่างกว้างขวาง พร้อมกับแสดงความขอบคุณญี่ปุ่นด้วย เช่นการรายงานภาพของเด็กสาวญี่ปุ่นคนหนึ่งในโตเกียวใส่ชุดกี่เพ้าสีแดง ยืนถือกล่องรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือจีน รวมทั้งสมาชิกรัฐสภาจาก พรรคแอลดีพี ของญี่ปุ่นประกาศจะบริจาคคนละ 5,000 เยน ยังไม่นับรวมกรณีหลายเมืองในญี่ปุ่นส่งหน้ากากอนามัย ชุดป้องกันเชื้อโรคไปช่วยเหลือเมืองพี่เมืองน้องในจีน

การได้รับเสียงชื่นชมและขอบคุณจากทั้งสื่อออนไลน์และสื่อรัฐในจีน ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าว ซินหัว พีเพิล”ส์ เดลี หรือแม้แต่หนังสือพิมพ์ชาตินิยมดุเดือดอย่าง โกลบอล ไทมส์ คือสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่อบอุ่นของ 2 ประเทศ และท่าทีของสื่อจีนที่มีต่อญี่ปุ่น ก็ตรงข้ามกับอเมริกาอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากอย่างที่ทราบกันอเมริกาเป็นประเทศแรกที่ประกาศห้ามคนจีนและทุกชาติที่เดินทางมาจากจีนเข้าอเมริกา ซึ่งเป็นการกระทำที่นอกเหนือจากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก

ฉิว รุ่ยฟา พนักงานบริษัทในกว่างโจว กล่าวว่าตนเองก็เหมือนกับเพื่อนอีกหลาย ๆ คนที่ชื่นชอบเรื่องราวที่รัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งในญี่ปุ่นรวมทั้งเอ็นจีโอได้บริจาคหน้ากากให้จีน และให้กำลังใจพวกเราด้วยบทกวีจีนโบราณที่บรรยายถึงความสัมพันธ์ไม่สิ้นสุดของ 2 ประเทศ ตนจึงแชร์บทกวีนี้บนวีแชต เช่นเดียวกับ หลิว ฮุ่ยหลาน ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการในเสิ่นเจิ้น บอกว่ารู้สึกได้ถึงความปรารถนาดีของญี่ปุ่น ส่วนแฟรงก์ ชุย ซึ่งอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นและดำเนินกิจการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีมาหลายปี ระบุว่ารัฐบาลของ 2 ประเทศเต็มใจที่จะใช้โอกาสนี้ส่งเสริมมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกัน นี่เป็นการปรับปรุงความสัมพันธ์มากขึ้นไปอีกอย่างแท้จริงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ความรู้สึกที่มีต่อญี่ปุ่นดีขึ้นเรื่อย ๆ วัฒนธรรมและธรรมาภิบาลด้านสังคมของญี่ปุ่นกำลังได้รับความนิยมและนับถือในกลุ่มคนชั้นกลางของจีนมากขึ้น

“เมื่อใดก็ตามที่การระบาดของไวรัสยุติลง เชื่อว่าคนจีนจะแห่มาเที่ยวญี่ปุ่น มาลงทุนและมาศึกษา เรียกว่าจะเกิดการบูมในธุรกิจเหล่านี้”

ก่อนหน้านี้ หัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงว่ารู้สึกซาบซึ้งใจในการสนับสนุนของญี่ปุ่นนับตั้งแต่เกิดปัญหาการระบาดของไวรัส ซึ่งคำชมนี้เกิดขึ้นหลังจากเธอตำหนิสหรัฐว่าโหมกระพือความกลัว หลังจากสหรัฐสั่งแบนทุกคนที่เดินทางมาจากจีน

ตามกำหนดเดิมนั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะไปเยือนญี่ปุ่นในเดือนเมษายนนี้ ท่ามกลางการคาดหมายว่าอาจต้องเลื่อนออกไปเพราะจีนต้องเร่งแก้ปัญหาไวรัสก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ระดับเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงเตรียมการไว้รองรับการเยือนเช่นเดิม ทั้งนี้เป็นเวลา 10 กว่าปีแล้วที่ไม่มีผู้นำจีนไปเยือนญี่ปุ่น โดยผู้นำคนสุดท้ายที่ไปเยือนก็คืออดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา เมื่อปี 2551