“ธุรกิจออนไลน์” รับอานิสงส์ ทั่วโลกกักตัว-ทำงานที่บ้าน

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกหลายแห่งได้เริ่มใช้มาตรการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือ “โควิด-19” รวมถึงมาตรการที่ทำให้ผู้คนถูกกักตัว ส่งผลให้ “ธุรกิจออนไลน์” ได้รับอานิสงส์จากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น

บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสหรัฐอย่าง “ทวิตเตอร์” ที่ให้พนักงานราว 5,000 คนทำงานจากที่บ้านได้ เช่นเดียวกับ “ไมโครซอฟท์” ที่ประกาศให้พนักงานในสำนักงานใหญ่ทำงานที่บ้าน

ขณะที่ “กูเกิล” ได้ทดลองให้พนักงานที่สำนักงานใหญ่ในไอร์แลนด์กว่า 8,000 คนทำงานที่บ้าน รวมถึง “เจพี มอร์แกนเชส” ก็เริ่มใช้แผนให้พนักงาน 10% ของบริษัททำงานจากที่บ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับแผนรับมือฉุกเฉินต่อไป

นอกจากพนักงานจำนวนมากที่ต้องทำงานจากที่บ้านตามนโยบายบริษัทแล้ว มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสของหลายประเทศทั่วโลกที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถออกจากที่พักอาศัยได้ และบางส่วนก็หลีกเลี่ยงการเดินทางออกไปยังพื้นที่สาธารณะด้วย

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า สถานการณ์นี้กลายเป็นอานิสงส์ต่อธุรกิจออนไลน์ เพราะผู้คนที่กักตัวเองในที่พักอาศัยทำให้บริการออนไลน์ต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งอย่าง “เน็ตฟลิกซ์” และ “อเมซอน”

“บิล สมีด” หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของสมีด แคปิตอล แมเนจเมนต์ ระบุว่า “ภาวะจำศีล” ทำให้มูลค่าหุ้นของเน็ตฟลิกซ์สูงขึ้น จนกว่าความหวาดกลัวไวรัสจะลดน้อยลง สถานการณ์ที่ผู้คนกักตัวเองอยู่ที่บ้านหรือ “ทำรัง” อาจเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในที่พักอาศัยได้

โดยมูลค่าหุ้นของเน็ตฟลิกซ์เพิ่มขึ้นถึง 15% นับตั้งแต่ต้นปี 2020 เช่นเดียวกันกับหุ้นของอเมซอน ที่แม้ว่าจะขยับลงเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เพิ่มสูงขึ้นถึง 4% ตั้งแต่ต้นปี รวมถึงหุ้นของ “ยูทูบ” ก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ทั้งสองบริษัทถูกจัดอยู่ใน “สเตย์ แอต โฮม อินเด็กซ์” ซึ่งเป็นบริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ที่ผู้คนกักตัวอยู่ในที่พักอาศัย ซึ่งบริษัทเพื่อการลงทุน “เอ็มเคเอ็ม พาร์ตเนอร์ส” จัดทำไว้มีทั้งหมด 33 บริษัท รวมถึงบริษัท เฟซบุ๊ก, แอ็กทิวิชั่น บลิซซาร์ด บริษัทผู้พัฒนาวิดีโอเกม, เปโลตอง ผู้ผลิตอุปกรณ์ออกกำลังกายในที่พักอาศัย รวมถึงผู้ให้บริการสั่งอาหารออนไลน์อย่าง “กรับฮับ” ด้วย

โดยนอกจากธุรกิจด้านความบันเทิงแล้ว ผู้ให้บริการทำงานผ่านระบบออนไลน์อย่าง ซูม ผู้ให้บริการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์, อ็อกตา ผู้ให้บริการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล และ “สแล็ก” ผู้ให้บริการระบบสื่อสารในออฟฟิศ ที่มีผู้ใช้งานมากขึ้น เนื่องจากความต้องการเครื่องมือสำหรับการประสานงานทางไกลจากมาตรการทำงานที่บ้าน

ขณะที่บริการทางการแพทย์ออนไลน์ก็เป็นอีกส่วนที่ได้รับประโยชน์ อย่าง “เทลาด็อก” ผู้ให้บริการด้านสุขภาพเสมือนจริงที่ผู้ป่วยสามารถวิดีโอแชตกับแพทย์ได้โดยตรง ก็มีผู้ใช้งานมากขึ้น ทำให้ราคาหุ้นของเทลาด็อก เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และ 50% นับตั้งแต่ต้นปี 2020

นักวิเคราะห์ของธนาคารยูบีเอส ชี้ว่า การให้บริการทางการแพทย์และการเรียนการสอนช่องทางออนไลน์ เป็นหนึ่งประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต รวมถึงการให้บริการออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งอาหาร อีคอมเมิร์ซ และวิดีโอสตรีมมิ่งจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น

และท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางยูบีเอสก็แนะนำการลงทุนในกลุ่มหุ้นธุรกิจออนไลน์ที่น่าจะได้อานิสงส์โดยตรงจากสถานการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นเน็ตฟลิกซ์, อเมซอน, อัลฟาเบท บริษัทแม่ของกูเกิล, เฟซบุ๊ก และอาลีบาบา อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ที่ครองอันดับต้น ๆ ในดัชนีหุ้นอินเทอร์เน็ตของแนสแดค