‘ไวรัส’ พ่นพิษหนักอิตาลี-EU เสี่ยงรีเซสชั่น

REUTERS

จากที่ “องค์การอนามัยโลก” (WHO) ประกาศให้ “โควิด-19” เป็นภาวะระบาดใหญ่ที่แพร่กระจายทั่วโลก เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่จำนวนของผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนกำลังเพิ่มขึ้นถึง 13 เท่า ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ สร้างความตื่นตระหนกจนรัฐบาลหลายประเทศต้องใช้มาตรการเด็ดขาด ท่ามกลางความวิตกว่าจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างไม่มีทางเลือก

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า “อิตาลี” ประกาศใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์” โดยจำกัดการเดินทางของประชาชนทั้งประเทศ และปิดสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ทั้งโรงเรียน โรงภาพยนตร์ และพิพิธภัณฑ์ ทั้งยังจำกัดเวลาการให้บริการของร้านอาหารและร้านค้า เพื่อเป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจะบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 3 เม.ย.นี้

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อในอิตาลีเพิ่มขึ้นมากกว่า 12,000 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในอิตาลีก็พุ่งทะลุ 827 รายแล้ว

นักวิเคราะห์ต่างมองว่า เศรษฐกิจอิตาลีที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก ซึ่งเริ่มหดตัวมาตั้งแต่ไตรมาส 4/2019 จะถูกซ้ำเติมโดยมาตรการล็อกดาวน์ และส่งผลให้เศรษฐกิจอิตาลีมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเข้าสู่ “ภาวะถดถอย” หลังจากจีดีพีปี 2019 อยู่ที่ระดับ 0.3%  

“แจ็ก แอลเลน-เรย์โนลด์ส” นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสภูมิภาคยุโรปของแคปปิตัล อีโคโนมิกส์ บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจระบุว่า “เศรษฐกิจอิตาลีจะหดตัวอย่างรุนแรงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ขณะที่การเติบโตของจีดีพีปี 2020 มีแนวโน้มจะปรับลดลงอย่างน้อย 2% ขึ้นอยู่กับความยืดเยื้อของการใช้มาตรการที่มีโอกาสที่จะบังคับใช้ยาวไปจนถึงเดือน มิ.ย.” 

ขณะที่ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของ “โกลด์แมน แซกส์” ประเมินว่า มาตรการควบคุมโรคระบาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจของอิตาลี ในช่วงไตรมาส 1-2 ปีนี้ลดลง 1.5% และมีโอกาสดีดตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

พร้อมทั้งระบุว่า ภาคการคมนาคมขนส่ง การแสดงศิลปะและบันเทิง ค้าปลีก รวมทั้งโรงแรมและร้านอาหาร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 23% ของจีดีพีอิตาลี จะเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

“สเตฟาโน มานซอกคิ” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสมาคมพาณิชย์อิตาลี (Confindustria) ระบุว่า ความพยายามในการควบคุมโรคจะทำให้ธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจท่องเที่ยวเข้าสู่ภาวะวิกฤต เช่นเดียวกับภาคการผลิตที่ตกอยู่ในภาวะอันตรายเช่นกัน เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นผู้ผลักดันความต้องการซื้อสินค้า “เมด อิน อิตาลี”

โดยภาคธุรกิจท่องเที่ยวมีสัดส่วนถึง 6% ของจีดีพีอิตาลี ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมหาศาล จนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างเมืองเวนิส และกรุงโรม มีสภาพไม่ต่าง
จากเมืองร้าง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอิตาลีได้ประกาศตั้งงบประมาณ 25,000 ล้านยูโร เพื่อต่อสู้กับวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้
รวมทั้งจะมีมาตรการเยียวยาผลกระทบตามมา ไม่ว่าจะเป็น การขยายเวลาการชำระหนี้ การสนับสนุนสภาพคล่องของภาคธุรกิจ และการให้เงินช่วยเหลือผู้ว่างงานชั่วคราว

ไม่เพียงอิตาลีเท่านั้นที่เผชิญกับภาวะการแพร่ระบาดขนานใหญ่ หลายฝ่ายยังจับตาว่าประเทศอื่น ๆ ในยุโรปจะประสบกับการแพร่ระบาดจนต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์เช่นกันหรือไม่ โดยเฉพาะ “เยอรมนี” ประเทศเศรษฐกิจหลักของยุโรป ซึ่งนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ยอมรับว่า ประชากรเยอรมัน 70% หรือราว 58 ล้านคน มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสนี้

ล่าสุดสหรัฐอเมริกายังได้ประกาศปิดกั้นการเดินทางจากยุโรปทั้งหมด ซึ่งจะยิ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่เชื่อมโยงระหว่าง 2 ทวีป ทีมนักวิเคราะห์จาก “ธนาคารบาร์เคลย์ส” ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศกลุ่มยูโรโซนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะประสบกับ “ภาวะถดถอยรุนแรงในระยะสั้น” และประเมินว่าปี 2020 การเติบโตจีดีพีกลุ่มยูโรโซนจะอยู่ที่ 0.3% จากคาดการณ์ก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ที่ 1%