สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอนิ่งโพสต์รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาได้ลงนามในกฎหมายสนับสนุนสิทธิในการติดต่อเจรจาและมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกของไต้หวัน ท่ามกลางการอ้างสิทธิเหนือเกาะไต้หวันของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่
กฎหมายดังกล่าวมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมความเป็นพันธมิตรระหว่างประเทศไต้หวัน โดยได้ผ่านการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมาก่อนส่งไปยังทำเนียบขาวเพื่อให้ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนาม
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
ทั้งนี้ ผู้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวระบุว่า สหรัฐควรส่งเสริมไต้หวันในการสร้างความแข็งแกร่งกับพันธมิตรทั่วโลก ท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้นจากการข่มขู่ของรัฐบาลจีน โดยกฎหมายฉบับนี้ สหรัฐจะพิจารณาลดความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง และด้านการทูตกับทุกประเทศที่แสดงออกว่ามีส่วนในการบ่อนทำลายไต้หวัน
นายคอรีย์ การ์ดเนอร์ สมาชิดวุฒิสภาสหรัฐกล่าวว่า “สหรัฐควรใช้ทุกวิถีทางเพื่อส่งเสริมสถานะของไต้หวันบนเวทีนานาชาติ กฎหมายนี้ต้องการให้รัฐบาลสหรัฐเพิ่มการสนับสนุนไต้หวัน ทั้งเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ถึงผลที่จะตามมาหากประเทศเหล่านั้นสนับสนุนการกระทำของจีนในการบ่อนทำลายไต้หวัน”
อย่างไรก็ตาม นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกมาตอบโต้ว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นการละเมิดหลักการจีนเดียวอย่างรุนแรง และการกระทำของสหรัฐเป็นความพยายามแทรกแซงกิจการภายในของจีน
ปัจจุบันไต้หวันมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเพียง 15 ประเทศ โดยนับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา มี 8 ประเทศที่ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน เพื่อสนับสนุนรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่ง ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันระบุว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของกลวิธีในการข่มขู่ทางการทหารและทางการทูตของรัฐบาลปักกิ่ง