“ทรัมป์” ใช้กฎหมายฉุกเฉิน จี้ “จีเอ็ม” เร่งผลิตเครื่องช่วยหายใจ

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาใช้อำนาจฉุกเฉินเรียกร้องให้บริษัทเจเนรัลมอเตอร์ (จีเอ็ม) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐ เร่งการผลิตเครื่องช่วยหายใจที่จำเป็นต่อผู้ป่วยโควิด-19

ก่อนหน้านี้ จีเอ็มได้ประกาศว่าจะเริ่มการผลิตเครื่องช่วยหายใจในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าแต่ยังคงล่าช้า ส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจใช้อำนาจตามกฎหมายการผลิตเพื่อการป้องกัน (Defense Production Act) ซึ่งให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีสามารถบังคับการผลิตสิ่งของที่จำเป็นต่อความมั่นคงในภาวะฉุกเฉินได้ เพื่อเรียกร้องให้จีเอ็มเร่งการผลิตเครื่องช่วยหายใจเร็วขึ้น โดยทรัมป์ได้กล่าวหาว่า จีเอ็มเริ่มผลิตไม่เร็วพอและกำลังทำให้เสียเวลา

ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุด้วยว่า เขาหวังว่าสหรัฐจะสามารถสร้างหรือได้รับเครื่องช่วยหายใจเพิ่มอีก 100,000 เครื่องภายในอีก 100 วันข้างหน้า ซึ่งความต้องการเครื่องช่วยหายใจประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี สเปน เยอรมนี และสหราชอาณาจักรกำลังเพิ่มสูงขึ้น หากมีการผลิตเกินความต้องการใช้งานในสหรัฐก็ยังสามารถส่งออกได้

ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์ส่วนบุคคล แสดงความไม่พอใจว่า “พวกเขาบอกว่าพวกเขากำลังจะส่งมอบเครื่องช่วยหายใจที่เราต้องการ 40,000 เครื่องโดยเร็วที่สุด แต่ตอนนี้พวกเขากลับบอกว่า สามารถส่งมอบได้เพียง 6,000 เครื่องภายในเดือนเมษายนและพวกเขาต้องการเงินเพิ่ม”

ซึ่งการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับจีเอ็มยังสร้างความไม่พอใจต่อทรัมป์เป็นอย่างมาก เนื่องจากจีเอ็มตัดสินใจปิดโรงงานการประกอบรถยนต์ในรัฐโอไฮโอ ซึ่งกระทบต่อฐานเสียงแรงงานของทรัมป์ในรัฐดังกล่าว นอกจากนี้ทรัมป์ยังไม่พอใจต่อแผนการเปิดโรงงานของจีเอ็มนอกสหรัฐด้วย

อย่างไรก็ตาม จีเอ็มได้ออกแถลงการณ์ระบุว่าได้ทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องระบายอากาศเวนเทค ไลฟ์ ซิสเต็ม และผู้จัดหาชิ้นส่วนของจีเอ็มมาเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้วเพื่อ “ตอบสนองความต้องการอันเร่งด่วนนี้”

การใช้กฎหมายการผลิตเพื่อการป้องกันครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการบังคับเรียกร้องให้บริษัทเร่งการผลิตสินค้าจำเป็น แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีแรงกดดันให้ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้กฎหมายดังกล่าวเร่งการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากความกังวลว่าอาจเกิดการขาดแคลน แต่ทรัมป์ยังคงลังเลที่จะใช้กฎหมายดังกล่าว

แต่สถานการณ์โรคระบาดในสหรัฐได้รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มสูงที่สุดในโลกกว่า 104,000 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่กว่า 1,700 ราย