ฟอร์ด-จีเอ็ม สนองนโยบาย “ทรัมป์” ตั้งเป้าผลิตเครื่องช่วยหายใจ 50,000 เครื่องใน 100 วัน

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นบีซีรายงานว่า โรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ของ “ฟอร์ด มอเตอร์” ร่วมกับ “จีเอ็ม เฮลท์แคร์” ค่ายรถยนต์รายใหญ่สหรัฐ วางแผนจะผลิตเครื่องช่วยหายใจ 50,000 เครื่องภายใน 100 วัน ที่โรงงานในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19

ทั้งนี้ บริษัทเปิดเผยว่าจะมีคนงาน 500 คนในการเริ่มต้นผลิตเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งคาดว่าจะพร้อมผลิตได้ในวันที่ 20 เม.ย. แต่จะสามารถผลิตเครื่องช่วยหายใจได้เพียง 1,500 เครื่องภายในเดือน เม.ย. ก่อนที่จะสามารถผลิตได้ถึง 12,000 ในเดือน พ.ค. และ 50,000 เครื่องภายในวันที่ 3 ก.ค. และหลังจากนั้นโรงงานของฟอร์ดในรัฐมิชิแกนจะมีกำลังการผลิตเครื่องช่วยหายใจได้ถึง 30,000 เครื่องต่อเดือน

ทั้งนี้ เครื่องช่วยหายใจที่ทั้งสองบริษัทร่วมกันผลิตครั้งนี้ ได้รับการออกแบบจาก “แอรอน คอร์ป” ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระบบบลมของจีเอ็ม ซึ่งสามารถทำงานได้ด้วยแรงดันอากาศโดยไม่ได้ใช้ไฟฟ้า

การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ใช้กฎหมายพิเศษในการสั่งให้ฟอร์ดและจีเอ็มผลิตเครื่องช่วยหายใจ หลังจากที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทั้งสองบริษัทยังเร่งการผลิตเครื่องช่วยหายใจไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ