ส่อง 3 ชาติคุม ‘โควิด’ ได้เร็ว นักลงทุนมั่นใจ-ดันค่าเงินฟื้น

คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก
นงนุช สิงหเดชะ

 

การระบาดร้ายแรงของไวรัสโควิด-19 ซึ่งบัดนี้คร่าชีวิตของคนทั้งโลกไปแล้วกว่า 2 แสนราย ทำให้โลกทั้งโลกต้องสาละวนอยู่กับการหาทางควบคุมการระบาด เศรษฐกิจสาหัสแทบจะย่อยยับ ในขณะเดียวกันก็เป็นการพิสูจน์ฝีมือของรัฐบาลและระบบสาธารณสุขของแต่ละประเทศว่าใครทำได้ดีกว่า รวดเร็วกว่า

การควบคุมการระบาดได้เร็ว สัมพันธ์กับความเร็วของการฟื้นตัวเศรษฐกิจ เพราะนั่นหมายถึงกิจกรรมเศรษฐกิจต่าง ๆ สามารถกลับมาดำเนินการได้เร็วกว่า ซึ่งในเอเชียนั้น จีนที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาด สามารถควบคุมการระบาดลงได้ก่อนใครด้วยมาตรการเฉียบขาด จำนวนผู้ป่วยในเมืองอู่ฮั่นเหลือศูนย์ กิจกรรมเศรษฐกิจเริ่มเคลื่อนไหว สายการบินเริ่มออกบิน ประชาชนเริ่มออกท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ประมาณ 90% ทั่วประเทศเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน

หากไม่นับจีน ชาติเอเชีย-แปซิฟิกที่ถูกนักวิเคราะห์จับตามองว่าสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและสะท้อนออกมาทางค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับต้นปี

เคธี เหลียน กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของบีเค แอสเสท แมเนจเมนต์ ระบุว่า นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ควบคุมโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและพร้อมที่จะสตาร์ตเศรษฐกิจอีกครั้ง อันหมายถึงว่าทั้ง 2 ประเทศนี้ก้าวกระโดดไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก่อนสหรัฐ
ส่งผลดีต่อค่าเงิน โดยกรณีของออสเตรเลียค่าเงินแข็งขึ้นทั้งที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) อ่อนตัว

ทาพาส สตริคแลนด์ ผู้อำนวยการเศรษฐศาสตร์และการตลาดของเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ บอกว่า การแข็งค่าของดอลลาร์ออสเตรเลีย บ่งชี้ว่า เอเชียสามารถควบคุมการระบาดได้ดีกว่าสหรัฐและยุโรป ส่วนจอห์น บรอมเฮด นักยุทธศาสตร์อัตราแลกเปลี่ยนของ ANZ เสริมว่า ปัจจัยบวกอีกประการหนึ่งสำหรับทั้งนิวซีแลนด์และออสเตรเลียก็คือ จีนซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดและเป็นแหล่งส่งออกหลักของทั้ง 2 ประเทศ สามารถเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจและเลิกการล็อกดาวน์ได้ก่อนสหรัฐและยุโรป

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียค่อนข้างย่ำแย่มาตั้งแต่ปีที่แล้วอันเนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวจากปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐ พอถึงกลางเดือนมีนาคมปีนี้ เมื่อออสเตรเลียถูกไวรัสโควิด-19 เล่นงาน ค่าเงินร่วงลงอย่างมากจาก 0.70 ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง 0.5798 ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ล่าสุดค่าเงินได้พุ่งขึ้น 11.4% มาอยู่ที่ 0.6460 ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อเหลือเพียงเลขหลักเดียวต่อวัน

ส่วนค่าเงินนิวซีแลนด์เมื่อเทียบกับกลางเดือนมีนาคมแข็งค่าขึ้นประมาณ 6.4% มาอยู่ที่ 0.60 ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากรัฐบาลอนุญาตให้ธุรกิจเปิดดำเนินการ

ทางด้าน เกาหลีใต้ ที่ในตอนแรกกลายเป็นชาติเอเชียนอกจีนที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ในตอนนี้ได้รับการชมเชยว่าเป็นต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคด้วยการออกตรวจประชาชนเป็นวงกว้างเพื่อหาเชื้อ ตลอดจนติดตามผู้สัมผัสผู้ติดเชื้ออย่างเข้มข้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวและค่าเงินวอนกลางเดือนเมษายนแข็งค่าขึ้นเกือบ 5% เมื่อเทียบกับต้นเดือนมีนาคม

ส่วน สิงคโปร์ และ ญี่ปุ่น ซึ่งในตอนแรกทำท่าว่าจะควบคุมการระบาดได้ดี ส่อว่าจะโดนไวรัสเล่นงานหนักที่สุดในเอเชีย เพราะตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา การติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ สวนทางกับประเทศ
เพื่อนบ้าน ซึ่งในความเห็นของนักวิเคราะห์ชี้ว่า ก่อนที่การระบาดจะกลับมารุนแรง เศรษฐกิจของ 2 ประเทศนี้ก็อ่อนแอมากอยู่แล้ว โดยกรณีของสิงคโปร์จากการประเมินเบื้องต้นจีดีพีไตรมาสแรกปีนี้น่าจะติดลบ 2.2%


ส่วนญี่ปุ่นจีดีพีไตรมาส 4 ปีที่แล้ว หดตัว 6.3% และทำให้ญี่ปุ่นตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเรียบร้อยแล้ว หากการระบาดลุกลามออกไปอีก จะบีบให้ทั้งสิงคโปร์และญี่ปุ่นต้องกลับมาใช้การล็อกดาวน์ที่เข้มข้น อันจะกระทบต่อเศรษฐกิจไตรมาสต่อ ๆ ไปมากขึ้น