iPrice เผย 3 ไฮไลท์สำคัญ ‘อาเซียน’ ช่วงวิกฤต ‘โควิด-19’

Mladen ANTONOV / AFP

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เริ่มรุนแรงขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงมหาศาลให้กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม โดย iPrice บริษัทผู้วิจัยธุรกิจอีคอมเมิร์ซในกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก ได้ทำการสรุปรวบรวม 3 ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจไว้ดังนี้

7 สินค้าที่มียอดค้นหาออนไลน์สูงสุดของไทย ในช่วงวิกฤตโควิด-19

การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ุใหม่ครั้งนี้ส่งผลให้ยอดการใช้งานอีคอมเมิร์ซเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ที่หลายประเทศบังคับใช้เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสภายในประเทศ ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเดินทางออกจากที่พักอาศัยได้ การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จึงกลายเป็นช่องทางหลักในการช้อปปิ้งของผู้คนในเวลานี้

iPrice เปิดเผยรายงาน สินค้าที่มียอดการสืบค้นออนไลน์สูงสุด 7 อันดับแรกในประเทศไทยช่วงระหว่างวันที่ 13 มี.ค.-17 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรง พบว่า สินค้าที่มียอดการค้นหาสูงสุดส่วนใหญ่เป็นสินค้าป้องกันเชื้อไวรัสไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ และ ปรอทวัดไข้ โดยนอกจากจะมียอดการสั่งซื้อสูงขึ้นแล้ว ยังมีราคาพุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัวด้วย

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับการป้องกันเชื้อไวรัส แต่ติดอันดับสินค้ายอดนิยมของไทยที่มียอดการค้นหาสูงสุด 7 อันดับแรกด้วย คือ “ปัตตาเลี่ยน” สาเหตุมาจากการที่ร้านตัดผมทั่วประเทศต้องปิดให้บริการชั่วคราวตามมาตรการควบคุมโรค ส่งผลให้มีผู้ต้องการซื้อหาปัตตาเลี่ยน สำหรับตัดผมด้วยตนเองหรือใช้งานในครอบครัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ปัตตาเลี่ยนมียอดการค้นหาเพิ่มขึ้นจากปกติถึง 22,333%

สินค้าอีกประเภทหนึ่งที่มียอดการค้นหาสูงขึ้นถึง 2,749% คือ “สระว่ายน้ำเป่าลม” เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับมาตรการฉุกเฉินที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถออกจากที่พักอาศัยได้ ทำให้สระว่ายน้ำเป่าลมกลายเป็นอุปกรณ์คลายร้อนภายในที่พักอาศัยที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น ขณะที่ “จักรเย็บผ้า” ก็กลายมียอดการค้นหาเพิ่มขึ้น 2,540% เป็นผลมาจากความขาดแคลนหน้ากากอนามัย ที่ทำให้ผู้คนหันมาตัดเย็บหน้ากากผ้าเพื่อสวมใส่เองมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ความต้องการสินค้าเหล่านี้ก็ลดลง โดยตัวเลขเฉลี่ยของการค้นหาโดยรวมของสินค้า 7 อย่างนี้ลดลงมากถึง 97% ซึ่งสระว่ายน้ำเป่าลม หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือมียอดลดลงมากที่สุดถึง 99% ตามมาด้วยจักรเย็บผ้าที่ลดลง 98% ส่วนบัตตาเลี่ยน ปรอทวัดไข้ และแอลกอฮอลก็มียอดการค้นหาลดลงถึง 97%

ส่องเม็ดเงินช่วยเหลือเยียวยาของกลุ่มประเทศอาเซียน

การประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ของหลายประเทศได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ในแต่ละประเทศต่างขาดรายได้ รัฐบาลของแต่ละประเทศจึงได้มีการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้กับคนในประเทศ โดย iPrice ได้เปิดเผยผลสำรวจเม็ดเงินเยียวยาของบางประเทศในภูมิภาคอาเซียน

“สิงคโปร์” ประกาศมอบเงินช่วยเหลือ 600 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 13,500 บาท) ให้กับประชาชนทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป และมอบคูปองส่วนลดซื้อของใช้จำเป็นบางส่วนเพิ่มเติมด้วย ขณะที่ “ไทย” มอบเงินเยียวยา 5,000 บาท/เดือนเป็นเวลา 3 เดือนให้เฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบ ส่วน “เวียดนาม” ประกาศมอบเงินเยียวยาให้ 190 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,100 บาท) ให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้าง

ขณะที่ “มาเลเซีย” มอบเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 1,600-8,000 ริงกิต (ราว 12,000-60,000 บาท) ให้กับผู้ได้รับผลกระทบตามฐานรายได้เดิม และยังมอบเงินช่วยเหลือ 800 ริงกิต (ราว 6,000 บาท) ให้กับประชาชนที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป ส่วน “อินโดนีเซีย” ประกาศมอบเงินให้ผู้ถูกเลิกจ้างจำนวน 1,000,000 รูเปียห์ (ราว 2,000 บาท)/เดือน เป็นเวลา 3-4 เดือน ด้าน “ฟิลิปปินส์” ก็มีมาตรการช่วยเหลือตั้งแต่ 5,000-8,000 เปโซ (ราว 3,250-5,000 บาท) ให้กับผู้ได้รับผลกระทบในด้านต่าง ๆ

นอกจากกลุ่มประเทศอาเซียนแล้ว การสำรวจของ iPrice ยังพบว่า ผู้บริหารของ “ฮ่องกง” ได้ประกาศมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาสูงถึง 10,000 หยวน (ราว 41,000 บาท) ให้กับพลเมืองอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกคน เนื่องจากมีการระบาดในพื้นที่หนักไม่แพ้กับจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย

ความกังวลของผู้คนต่อสถานการณ์วิกฤตโควิด-19

ความกังวลและความคิดเห็นของผู้คนทั่วโลกต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ ล้วนแตกต่างกันออกไปตามแต่พื้นที่ โดย iPrice ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความหลากหลายโดยมีพนักงานมากกว่า 25 สัญชาติ ได้จัดทำแบบสอบถาม เพื่อให้พนักงานแต่ละสัญชาติสำรวจความกังวลของผู้คนในประเทศตนเองที่มีต่อสถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้ พบว่า

ผู้คนมากถึง 70% มีความคิดเห็นว่า ผู้ป่วยเท่านั้นที่ควรใส่หน้ากากอนามัย โดยมีเพียง 30% เท่านั้นที่ระบุว่า ทุกคนควรสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเองแม้จะไม่ป่วย ขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่เห็นว่า การล้างมืออย่างสม่ำเสมอและบ่อยครั้งครั้ง มีความสำคัญในการป้องกันการได้รับเชื้อไวรัสจากการสัมผัสสิ่งของสาธารณะ นอกจากนี้ ผู้คนมากกว่า 90% ยังหลีกเลี่ยงการทักทายโดยการสัมผัสระหว่างบุคคล

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามของ iPrice ส่วนมากในสัดส่วนถึง 55% ระบุว่าไม่ค่อยกังวลต่อความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มากนัก โดยมีผู้คนมากถึง 85% ที่ระบุว่า หากพบว่าตนเองมีอาการเข้าข่ายติดเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จะเฝ้าดูอาการของตนเองระยะหนึ่งก่อนจึงจะไปพบแพทย์

นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 30% ที่กักตุนสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อรับมือการสถานการณ์เลวร้ายก่อนที่รัฐบาลของหลายประเทศจะประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ไม่กักตุนเนื่องจากมองว่ายังสามารถซื้อหาสินค้าได้ตามปกติ เพราะร้านค้ายังคงสามารถจำหน่ายสินค้าจำเป็นได้และผู้บริโภคยังสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้ด้วย