“บิล เกตส์” มหาเศรษฐีแนวหน้า กับปฏิบัติการรับมือโรคระบาด

(FILES) (Photo by JEFF PACHOUD / AFP)

บิล เกตส์ เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่มีบทบาทอย่างยิ่งท่ามกลางภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” ในปัจจุบัน โดยเป็นมหาเศรษฐีรายแรก ๆ ที่มอบความช่วยเหลือแก่หน่วยงานต่าง ๆ ทั่วโลกในการรับมือกับโรคระบาด รวมทั้งการส่งเสริมการเร่งวิจัยพัฒนาวัคซีน และยารักษาโรค

ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง “ไมโครซอฟท์” บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ได้ประกาศสนับสนุนเงินทุนกว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐในนาม “มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์” ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธาน ให้กับหน่วยงานพัฒนาวัคซีนต้านโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา

โดยบิล เกตส์ได้ให้สัมภาษณ์ระบุว่า มูลนิธิของเขาจะทุ่มเททรัพยากรและความสนใจทั้งหมดไปที่การต่อสู้กับโรคระบาดครั้งนี้ จากที่ผ่านมา มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ได้ส่งเสริมองค์กรด้านสาธารณสุขสำคัญระดับโลกทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภายใต้การสนับสนุนของ “องค์การอนามัยโลก” (WHO) หรือที่เรียกว่า กลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด (CEPI)

สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มูลนิธิของบิล เกตส์ ได้ให้เงินสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรดังกล่าวไปแล้วถึง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการเร่งวิจัยพัฒนากระบวนการตรวจหาเชื้อไวรัสในผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงการวิจัยตัวยารักษาอาการป่วยและการพัฒนาวัคซีนด้วย

อย่างไรก็ตาม บิล เกตส์ระบุว่า การวิจัยพัฒนาวัคซีนอาจจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 9 เดือน-2 ปี และจะต้องผลิตให้ได้ปริมาณที่สูงถึง 7,000 ล้านชิ้น จึงจะเพียงพอความต้องการทั่วโลก โดยเขาเน้นย้ำว่า สถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโลก “คุณจะเข้าสู่ภาวะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงอย่างมากเป็นเวลานานหลายปี”

ทั้งนี้ บิล เกตส์ได้เผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับโควิด-19 ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งบทความจำนวนมาก ที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียส่วนตัว รวมถึงบทสัมภาษณ์ให้กับสำนักข่าวต่าง ๆ ด้วย ซึ่งล้วนสะท้อนมุมมองเชิงบวกของเขาในการแก้ปัญหาและรับมือกับโรคระบาด ด้วยการศึกษาทำความเข้าใจไวรัสอย่างถ่องแท้ และการดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างรัดกุม

อย่างในบทความเรื่อง “เราจะรับมือกับโควิด-19 อย่างไร” (How to respond to COVID-19) ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ gatesnotes.com ระบุว่า ผู้นำของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมีความรับผิดชอบต่อภาวะโรคระบาดครั้งนี้ 2 ประการ นั่นคือ การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดเฉพาะหน้า และการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำอีกครั้ง ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการรับมือในระยะยาว

ซึ่งการให้ความสำคัญต่อการหาวิธีการรับมือภาวะโรคระบาดในระยะยาวของผู้นำประเทศ แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนในการปะทะตอบโต้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศขู่ตัดงบประมาณที่รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนให้แก่องค์การอนามัยโลกในวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลว่า องค์การอนามัยโลก “ล้มเหลวในการจัดการและป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่” ทั้งยังมีส่วนช่วยเหลือรัฐบาลจีนในการปกปิดข้อมูลสถานการณ์โรคระบาดด้วย

แต่บิล เกตส์ได้ระบุในทวิตเตอร์ส่วนตัวในวันถัดมาว่า “การตัดงบฯสนับสนุนองค์การอนามัยโลกในช่วงที่วิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขทั่วโลกถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง งานของพวกเขาช่วยชะลอการแพร่กระจายของโควิด-19 และหากงานนั้นหยุดลงก็ไม่มีองค์กรอื่นใดจะสามารถมาแทนที่ได้ ขณะนี้โลกต้องการองค์การอนามัยโลกยิ่งกว่าในอดีต”

ไม่เพียงแต่ตอบโต้คำขู่ของทรัมป์ แต่บิล เกตส์ยังประกาศบริจาคเงินเพิ่มเติมให้กับองค์การอนามัยโลกอีกด้วย โดยเขาให้สัมภาษณ์กับไฟแนนเชียล ไทมส์ โดยระบุว่า เขาไม่เชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะปฏิบัติตามคำขู่จริง

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา บิล เกตส์ยังได้ให้สัมภาษณ์กับเดอะวอลล์สตรีต เจอร์นัล พร้อมระบุว่า เขาได้เคยเตือนโดนัลด์ ทรัมป์มาแล้วก่อนที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่างการพบปะพูดคุยกับผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือน ธ.ค. 2016 ซึ่งบิล เกตส์ได้พยายามชี้ให้เห็นถึงภัยคุกคามจากโรคระบาด ในอนาคต พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ หันมาให้ความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมของประเทศให้สามารถรับมือกับภาวะโรคระบาด ด้วยการลงทุนด้านสาธารณสุขมากขึ้น

บิล เกตส์ให้สัมภาษณ์ระบุว่า “ประเด็นทั้งหมดที่กล่าวถึงนี้ เราสามารถลงมือทำและสามารถลดความเสียหายให้น้อยที่สุดได้”

มุมมองของบิล เกตส์ยังได้รับความชื่นชมว่ามีความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างมาก โดยเฉพาะการเรียกร้องให้มีการดำเนินมาตรการอย่างระมัดระวังและไม่ประมาท โดยเขาได้เรียกร้องให้ทั่วโลกจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นต่อการป้องกันโรค ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย ถุงมืออนามัย และชุดตรวจหาเชื้อให้เพียงพอ รวมถึงเพิ่มอัตราการตรวจหาเชื้อ พัฒนาวิธีการตรวจวินิจฉัยโรค และการเร่งวิจัยวัคซีนให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด

“ผมหวังว่าโรคระบาดจะไม่เลวร้ายนัก แต่เราทุกคนควรตระหนักว่ามันเลวร้ายอยู่เสมอ จนกว่าเราจะศึกษาและเข้าใจมันได้ทั้งหมด” บิล เกตส์กล่าวทิ้งท้าย