สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานอ้างอิงงานวิจัยจาก Top10VPN เว็บไซต์ผู้ให้บริการจัดอันดับเครือข่ายส่วนบุคคลเสมือน (วีพีเอ็น) และวิจัยเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงทางไซเบอร์ ระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐ เช่น อเมซอน กูเกิล และไมโครซอฟท์ เป็นผู้ให้บริการบริหารเว็บไซต์แก่บริษัทสัญชาติจีนที่ถูกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐขึ้นบัญชีดำ ด้วยข้อหาทำการสอดแนมและละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวมุสลิมชนกลุ่มน้อยของจีนอย่าง “อุยกูร์”
โดยรายงานระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากสหรัฐได้ให้บริการฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่มีความสำคัญดำเนินกิจกรรมของเว็บไซต์บริษัทจากจีน เช่น บริการเว็บโฮสติ้ง, อีเมล์โฮสติ้ง, การออกเครื่องหมายรับรองความปลอดภัยของเว็บไซต์ (SSL Certificate) และ เครือข่ายส่งข้อมูล (ซีดีเอ็น) เป็นต้น
- เช็กที่นี่ ออมสิน-ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อปิดหนี้นอกระบบ 20,000 บาท ใครกู้ได้บ้าง!
- กรุงเทพฯ กปน.หยุดจ่ายน้ำ 21 มี.ค. 18 พื้นที่ รับมือน้ำไม่ไหล เช็กที่นี่
- เร่งสายสีแดง มธ.รังสิต-มหิดล ศาลายา คอนโดฯ-บ้านเดี่ยวจ่อเปิดตัวรับเทรนด์ปีมังกร
ทั้งนี้ รายงานฉบับนี้ ยังชี้ว่า บริษัทชั้นนำอย่าง “อเมซอน” ได้ให้บริการเว็บเซอร์วิสแก่บริษัทจีนที่ถูกแบล็กลิสต์ เช่น “ต้าหัว เทคโนโลยี” และ “ฮิควิชัน เทคโนโลยี” ขณะที่บริษัทอย่าง “ไมโครซอฟท์” ได้ทำธุรกิจเป็นผู้ให้บริการแก่ “เซนส์ ไทมส์” บริษัทเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จากจีนที่ถูกกล่าวหาว่าพัฒนาโปรแกรมเพื่อการสอดแนม นอจากนี้ยังมีบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐอีกหลายแห่งที่ให้บริการดังกล่าว รวมถึงเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ที่ให้บริการซีดีเอ็นกับบริษัทสัญชาติจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำ
รายงานกล่าวสรุปว่าการที่ยักษ์ไอทีสหรัฐให้บริการต่างๆกับเว็บไซต์ของบริษัทสัญชาติจีน ถือเป็นการช่วยเหลือให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วโลก นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐยังมีการร่วมธุรกิจในการบริหารเว็บไซต์ให้กับ “เอ็นเอสโอ กรุ๊ป” บริษัทผู้พัฒนาสปายแวร์ของอิสราเอลอีกด้วย