ปั้นเขตการค้าเสรี ‘ไห่หนาน’ แผนจีนกระจายความเสี่ยง ‘ฮ่องกง’

การค้าเสรี ไห่หนาน
REUTERS/Thomas Peter
คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก
นงนุช สิงหเดชะ

สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้เปิดเผยแผนการพัฒนามณฑลไห่หนาน (หรือไหหลำ) ให้เป็น “เขตการค้าเสรี” ใหญ่ที่สุดของจีน อันจะทำให้มณฑลนี้มีเสรีทั้งด้านการค้า การลงทุน การเคลื่อนย้ายเงินทุน การเคลื่อนย้ายของประชากร และข้อมูลข่าวสาร ภายในปี ค.ศ. 2035 แผนดังกล่าวไดรับการผลักดันโดยตรงจากประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” มีเป้าหมายจะทำให้มณฑลนี้เป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งภายในกลางศตวรรษนี้

ตามข้อมูลที่เปิดเผยออกมา การนำเข้าสินค้าบางอย่าง รวมทั้งอุปกรณ์การผลิต พาหนะ เรือ เครื่องบิน วัตถุดิบและสินค้าบริโภค จะได้รับการยกเว้นภาษี ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลถูกปรับลงไปที่ระดับไม่เกิน 15% ซึ่งต่ำกว่าอัตราภาษีในแผ่นดินใหญ่อย่างมาก และยังมีอัตราใกล้เคียงฮ่องกง (17%) ขณะที่พลเมืองจีนสามารถใช้จ่ายมากถึง 1 แสนหยวนต่อปี สำหรับซื้อสินค้าในร้านดิวตี้ฟรี เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ได้เพียง 3 หมื่หยวน

นอกจากนี้ การอนุมัติหรืออนุญาตการลงทุนก็จะทำให้ง่ายขึ้น เช่น ในบางเรื่องบริษัทต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาล ตราบใดที่ให้สัญญาว่าจะปฏิบัติตามกฎระเบียบ ส่วนคนต่างชาติสามารถทำงานเป็นตัวแทนทางกฎหมายให้กับวิสาหกิจที่มีรัฐเป็นเจ้าของ ซึ่งในแผ่นดินใหญ่ไม่อนุญาตให้ต่างชาติเป็นตัวแทนทางกฎหมายดังกล่าว และเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวก็จะอนุญาตให้เรือสำราญต่างชาติแวะเข้ามาท่องเที่ยวได้ 15 วัน โดยไม่ต้องมีวีซ่า

นโยบายและขอบเขตด้านสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่จีนให้กับไห่หนาน นับว่ามากกว่าที่จีนมอบให้กับเขตเศรษฐกิจพิเศษในเสิ่นเจิ้น หรือเซี่ยงไฮ้อย่างมาก

แม้จีนจะไม่เอ่ยโดยตรงว่าการผลักดันไห่หนานในครั้งนี้มีเป้าประสงค์เพื่อให้เหมือนฮ่องกง และสิงคโปร์ แต่ดูจากเนื้อหาชัดเจนอยู่ในตัว เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลท้องถิ่นไห่หนาน ได้ส่งตัวแทนไปศึกษาการค้าเสรีที่ฮ่องกง สิงคโปร์ และดูไบ

ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของจีนในครั้งนี้ เป็นเพราะมองเห็นความเสี่ยงว่า จีนและสหรัฐอาจต้องแยกออกจากกันค่อนข้างแน่นอน โดยเฉพาะหลังจากสหรัฐออกมาขู่ว่าจะเพิกถอนสถานะพิเศษทางเศรษฐกิจที่เคยมอบให้กับฮ่องกง เพราะไม่พอใจที่จีนออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่มาบังคับใช้ในฮ่องกง เพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีการปลุกระดมแยกฮ่องกงเป็นเอกราช ในขณะที่สหรัฐมองว่าหากจีนบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวกับฮ่องกง เท่ากับว่า หนึ่งประเทศ สองระบบ ไม่มีอีกต่อไป จึงไม่มีเหตุผลที่จะให้สิทธิพิเศษแก่ฮ่องกง

มณฑลไห่หนาน ตั้งอยู่ทางใต้สุดของจีนถือเป็นเกาะใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของจีน รองจากเกาะไต้หวัน มีพื้นที่ประมาณ 35,000 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าฮ่องกง 30 เท่า มีประชากร 9.5 ล้านคนปัจจุบันเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนยอดนิยมจนได้รับฉายาว่า ฮาวายแห่งจีน

เดิมไห่หนานเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลกวางตุ้ง ต่อมาในปี ค.ศ. 1988 “เติ้ง เสี่ยวผิง” สุดยอดนักปฏิรูปที่นำจีนสู่ความมั่งคั่ง ได้ยกระดับไห่หนานขึ้นเป็นมณฑลและพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับที่จีนเคยเปลี่ยนเมืองประมงเล็ก ๆ อย่าง “เสิ่นเจิ้น” ให้กลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่คึกคัก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนักเพราะลงเอยด้วยการกลายเป็นแหล่งของพวกลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมายและเกิดการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์มหาศาลในช่วงต้นทศวรรษ 1990 จนเกิดภาวะฟองสบู่

“เหลียน ไห่หมิง” หัวหน้าสถาบันวิจัยโครงการเบลต์แอนด์โรด มหาวิทยาลัยไห่หนาน เขียนบทความเรื่อง “ไห่หนานจะแทนที่ฮ่องกงได้หรือไม่” ว่า โครงการไห่หนานไม่ได้มีเป้าหมายจะแทนที่ฮ่องกง หากแต่เป็นการพัฒนาเคียงคู่ไปกับฮ่องกง ในลักษณะร่วมมือกันมากกว่า ไห่หนานสามารถดึงดูดสถาบันการเงินที่ต้องการขยายการลงทุนระยะยาวจากฮ่องกง โดยฮ่องกงเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะสั้นที่ต้องการผลตอบแทนสูง ส่วนไห่หนานเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการขยายการลงทุนระยะยาวเข้าไปในแผ่นดินใหญ่

“การพัฒนาทั้งไห่หนานและฮ่องกงให้เป็นศูนย์กลางการเงิน แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียด ก็เหมือนกับที่สหราชอาณาจักรมีศูนย์กลางการเงิน 2 แห่ง คือ ที่ลอนดอน และเอดินบะระ เพื่อลดความเสี่ยง”