เว็บไซด์เทคครันช์รายงานว่า “โมเดอร์นา” (Moderna) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา กำลังเริ่มการทดลองทางคลินิกวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ขั้นสุดท้ายในเดือนกรกฎาคมนี้
โมเดอร์นานับเป็นบริษัทแรกที่ได้เริ่มทำการทดลองวัคซีนดังกล่าวในร่างกายมนุษย์ โดยได้รับความร่วมมือจากอาสาสมัครชาวอเมริกันจำนวนมาก ซึ่งการทดลองขั้นสุดท้ายนี้จะใช้วัคซีนดังกล่าวรกับอาสาสมัครรวมทั้งสิ้น 30,000 คน โดยโมเดอร์นาจะทำการทดลองภายใต้การควบคุมของสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) ของสหรัฐ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ทั้งนี้ การทดลองครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อการยืนยันว่า วัคซีนดังกล่าวสามารถยับยั้งและชะลอพัฒนาการของเชื้อไวรัสในร่างกายมนุษย์ รวมถึงบรรเทาอาการที่รุนแรงในผู้ป่วยเพื่อลดจำนวนผู้ป่วยหนักที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ การทดลองทางคลินิกขั้นที่สองได้เริ่มต้นไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และบริษัทระบุว่าจะเริ่มใช้วัคซีนที่ผ่านการทดลองแล้ว ให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่จำกัดในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้
นอกจากโมเดอร์นาแล้ว ยังมีอีกหลายบริษัทและหน่วยงานที่พัฒนาวัคซีนต้านโคโรน่าไวรัส อย่าง “จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน” ที่กำลังเตรียมทดลองวัคซียระยะถัดไปในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ “แอสตร้าเซนเนก้า” (AstraZeneca) บริษัทผู้ผลิตยาของอังกฤษร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ก็กำลังทดลองวัคซีนทางคลินิกขั้นสุดท้ายภายในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้
ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าในวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา แอสตร้าเซนเนก้ายังได้ลงนามร่วมกับ “อีเมอร์เจนต์ ไบโอโซลูชันส์” (Emergent BioSolutions) บริษัทยาของสหรัฐ ร่วมกันเป็นพันธมิตรในการผลิตวัคซีนต้านโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่จำนวน 300 ล้านโดสสำหรับจำหน่ายในสหรัฐ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในเป้าหมายร่วมกับผู้วิจัยพัฒนาวัคซีนทั่วโลกที่ตั้งเป้าจะผลิตวัคซีนให้ได้ถึง 2,000 ล้านโดส เพื่อให้เพียงพอต่อผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งโลก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนระบุว่า การพัฒนาวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาและทดลองอย่างน้อย 12-18 เดือน