หุ้นจีนพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี รัฐบาลร่วมดันราคา หวั่นเกิดฟองสบู่ซ้ำรอยปี 2015

การฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 นับว่าโดดเด่นที่สุดในโลก โดย “บลูมเบิร์ก” รายงานว่าดัชนี CSI 300 ได้เพิ่มขึ้นถึง 14% ภายในระยะเวลาเพียง 14 วันล่าสุด ซึ่งปัจจุบันดัชนีดังกล่าวเทรดที่ระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี มากกว่ากว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันเทรดที่ระดับราว 4,700 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนฟองสบู่หุ้นจีนแตกเมื่อปี 2015 ขณะที่ราคาดัชนีที่ระดับสูงสุดก่อนเกิดโควิด-19 เทรดที่ระดับราว 4,300 จุดเท่านั้น

ขณะที่มูลค่าหุ้นกลุ่มโบรกเกอร์เพิ่มขึ้นกว่า 1.5 ล้านล้านหยวน/วัน โดยเมื่อ 6 ก.ค. 2020 พบว่าหุ้นกลุ่มนี้ซึ่งเป็นที่นิยมของนักเก็งกำไรรายย่อยจำนวนหลายสิบตัวมีราคาเพิ่มมากกว่า 10%  ซึ่งบ่งชี้ถึงการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการเข้ามาเก็งกำไรของรายย่อยก็เป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงความไม่มีเสถียรภาพของตลาดเช่นกัน

โดยการเพิ่มขึ้นของราคาตลาดหุ้นจีนอย่างโดดเด่นนั้นมีสาเหตุมาจากการควบคุมสถานการณ์ระบาดอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ดูดีกว่าประเทศอื่น ๆ ในโลก เมื่อ 3 ก.ค. 2020 ทางการได้ประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (พีเอ็มไอ) พบว่าฟื้นตัวอย่างมากสู่ระดับ 58.4 ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนอย่างโดดเด่น เมื่อสอดคล้องกับนโยบายอัดฉีดเงินจากทั้งรัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกที่ทำให้เงินท่วมไปทั้งระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นการเก็งกำไรในหุ้นจีนจึงนับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังรวมวงดันราคาหุ้นอีกด้วย ในกรณีดังกล่าวบทบรรณาธิการของ “ไชน่า เซเคียวริติ้ เจอรนัล” หนังสือพิมพ์ด้านตลาดทุนของรัฐบาลจีน เมื่อ 6 ก.ค. 2020 ระบุว่า “รัฐบาลจีนส่งเสริมสภาวะตลาดกระทิงเนื่องจากมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ” บทความดังกล่าวนับว่าเติมเชื้อไฟของการเก็งกำไรอย่างยิ่งสำหรับตลาดหุ้นจีนที่ยังไม่เปิดเสรีและรัฐบาลมีบทบาทอย่างสูง โดยในวันดังกล่าวดัชนีตลาดหุ้นเสินเจิ้น รวมถึงดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้นกว่า 6% นำหน้าตลาดหุ้นทั่วโลก

อย่างไรก็ตามการกระทำของรัฐบาลนับว่าเป็นการเล่นกับไฟ โดยซีเอ็นบีซีรายงานอ้างคำกล่าวของ “มาร์ก วิลเลียมส์” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก “แคปิทัล อิโคโนมิกส์” ซึ่งชี้ว่า “การกระทำของรัฐบาลจีนจะทำให้เทรดเดอร์ต่างแย่งกันเข้าไปเก็งกำไรหุ้นจีน” ซึ่งเมื่อปี 2014 รัฐบาลจีนได้เคยปลุกตลาดหุ้นที่ซบเซาจากการใช้สื่อที่เป็นมือไม้ของรัฐบาลสร้างกระแสการเก็งกำไร ซึ่งส่งผลให้รายย่อยจำนวนมากได้กู้เงินมาเล่นหุ้นจนกลายเป็นภาวะฟองสบู่ขึ้นมา โดยฟองสบู่ตลาดหุ้นแตกเมื่อกลางปี 2015 และทำลายมูลค่าตลาดกว่า 5 ล้านล้านดอลล์สหรัฐ

นอกจากนี้ เศรษฐกิจของจีนยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า, ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา รวมถึงโอกาสการเกิดการระบาดระลอกที่ 2 ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะย้อนกลับมาทำร้ายตลาดหุ้นได้ในภายหลัง และจะรุนแรงอย่างมากสำหรับตลาดหุ้นที่มีราคาแพง