“มหาเศรษฐี” โดนด้วย? หาก “สหรัฐ” ห้ามสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าประเทศ

WANG ZHAO / AFP

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า สหรัฐอเมริกา กำลังพิจารณาใช้คำสั่งปิดกั้นการเดินทางเข้าสู่ประเทศสหรัฐของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน รวมถึงสมาชิกครอบครัวของบุคคลเหล่านั้นทุกราย เพื่อตอบโต้การบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของรัฐบาลจีนในฮ่องกง แต่หากคำสั่งห้ามการเดินทางดังกล่าวมีผลบังคับใช้ อาจส่งผลกระทบถึงมหาเศรษฐีผู้ประกอบการและนักธุรกิจชาวจีนหลายราย

ทั้งนี้ คำสั่งปิดกั้นการเดินทางดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการร่างตามรายงานของสำนักข่าวนิวยอร์กไทมส์ และยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกสู่สาธารณะ โดยนิตยสารไทมส์วิเคราะห์ว่า มีความเป็นไปได้ที่ร่างคำสั่งดังกล่าวอาจจะไม่ผ่านการอนุมัติโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เนื่องจากคำสั่งปิดกั้นการเดินทางสู่สหรัฐนี้จะส่งผลกระทบถึงสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและครอบครัวกว่า 90 ล้านคน รวมถึงสมาชิกพรรคระดับสูงที่เป็นมหาเศรษฐีนักธุรกิจอย่าง “แจ็ก หม่า” ผู้ก่อตั้งธุรกิจอาลีบาบา อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่, “หวัง เจี้ยนหลิน” ผู้ก่อตั้งกลุ่มต้าเหลียนวั่นต๋า บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และ “หวัง ชวนฟู” ผู้ก่อตั้งกลุ่มยานยนต์ข้ามชาติบีวายดี ออโต้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิลลี่ ลัม ประจำศูนย์จีนศึกษา มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง ระบุว่า “ชาวจีนที่ร่ำรวยและมีอำนาจส่วนใหญ่ต่างเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เกือบทั้งหมด” นอกจากนี้ ผู้คนยังมีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์มากขึ้น เนื่องจากการเป็นสมาชิกจะได้รับสิทธิประโยชน์จำนวนมาก อย่างการได้รับการอนุมัติเงินกู้จากธนาคารง่ายขึ้น หรือความสะดวกในการทำธุรกิจกับบริษัทที่ดำเนินการโดยรัฐบาลจีน

นอกจากนี้ ยังมีนักธุรกิจอีกหลายรายที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาลจีน แม้จะได้ถือครองบัตรสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ อย่าง “โพนี หม่า” ผู้ก่อตั้งเทนเซ็นต์และ “เหลย จุน” ประธานบริษัทเสียวหมี่ที่เป็นสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ขณะที่ “โรบิน หลี่” ผู้ก่อตั้งไป่ตู้ ก็เป็นสมาชิกสภาปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC)


ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าบุคคลเหล่านี้จะอยู่ภายใต้ขอบเขตร่างคำสั่งครั้งนี้ของสหรัฐหรือไม่ ซึ่งการปิดกั้นการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาอาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้บริหารธุรกิจและบริษัทสัญชาติจีน เนื่องจากในปัจจุบันมีบริษัทจีนหลายแห่งที่ซื้อขายในตลาดหุ้นของสหรัฐ อย่างอาลีบาบาและไป่ตู้ เป็นต้น การห้ามการเดินทางจะสร้างความยากลำบากต่อการดำเนินธุรกิจในสหรัฐมากขึ้น