สำนักข่าวอัลจาซีร่ารายงานอ้างประกาศจากสำนักป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติของเกาหลีใต้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 ส.ค. 2020) ซึ่งระบุว่า เมืองหลวงของประเทศอย่าง “กรุงโซล” และพื้นที่รอบ ๆ ได้เผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม หลังจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย และมีผู้สูญหาย 13 ราย ขณะที่ประชาชนอีกหลายพันคนถูกสั่งอพยพออกจากบริเวณที่เกิดภัยพิบัติ
ขณะที่ สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า เหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ได้ครอบคลุมพื้นที่ความเสียหายกว่า 14,211 เอเคอร์ ของพื้นที่การเกษตรและเส้นทางหลวงต่าง ๆ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักยังได้ทำให้ระดับน้ำใน “แม่น้ำฮัน” เพิ่มขึ้นจนเอ่อล้นท่วมบริเวณโดยรอบของใจกลางกรุงโซล
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
“ร๊อบ แมคไบรด์” ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีร่าซึ่งตามติดสถานการณ์ ระบุว่า คาบสมุทรเกาหลีกำลังเผชิญกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้ พบว่า ปริมาณน้ำฝนเมื่อ 4 ส.ค. 2020 วัดได้ที่ระดับ 50-100 มิลลิเมตร นอกจากนี้อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นฮากูปิตที่เคลื่อนผ่านประเทศจีน ยังได้ก่อให้เกิดความชื้นบนสภาพอากาศของคาบสมุทเกาหลีซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้
รวมถึง “เกาหลีเหนือ” ก็ได้ออกคำเตือนการเกิดน้ำท่วมฉับพลันเช่นกัน ซึ่งเกาหลีเหนือก็กำลังเผชิญกับปริมาณฝนจำนวนมากจนสุ่มเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน โดยสืบเนื่องจากกรณีนี้ “ยอนฮับ” รายงานอ้างแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้เปิดประตูเขื่อนบริเวณชายแดนเพื่อระบายน้ำ แต่ไม่ได้แจ้งให้ฝ่ายเกาหลีใต้รับทราบล่วงหน้า
