การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้บรรดาธุรกิจน้อยใหญ่ได้รับความเสียหายไปตาม ๆ กัน ซึ่งแต่ละรายต่างก็พยายามดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดจากสภาวะวิกฤตครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยที่เป็นหนทางหนึ่งในการพยุงธุรกิจให้สามารถดำเนินต่อไปได้
บีบีซีรายงานว่า “ลอยด์ ออฟ ลอนดอน” (Lloyd”s of London) บริษัทรับประกันภัยต่อระดับโลกของอังกฤษ ซึ่งมีสมาชิกกว่า 90 รายเปิดเผยว่า การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วง 6 เดือนแรกของบริษัท มีมูลค่าสูงถึง 2,400 ล้านปอนด์ ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรก ลอยด์ขาดทุนถึง 400 ล้านปอนด์ จากครึ่งแรกของปี 2019 มีกำไร 2,300 ล้านปอนด์ และคาดว่าการเรียกร้องค่าสินไหมเกี่ยวกับโควิด-19 ต่อบริษัท ในปีนี้อาจพุ่งสูงแตะ 5,000 ล้านปอนด์
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
“จอห์น นีล” ซีอีโอของลอยด์ระบุว่า “ครึ่งแรกของปี 2020 เป็นช่วงที่ท้าทายอย่างยิ่งทั้งต่อเราลูกค้า และเศรษฐกิจทั่วโลก การระบาดครั้งใหญ่ได้สร้างความเสียหายต่อสังคมและเศรษฐกิจอย่างรุนแรง”
ธุรกิจประกันภัยทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเรียกร้องค่าสินไหมจำนวนมหาศาล โดยลอยด์ประมาณการไว้ในช่วงต้นปี 2020 ว่า มูลค่าการเรียกร้องกับบริษัทประกันภัยทั่วโลกจากโควิด-19 อาจสูงกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรณีการยกเลิกจัดกิจกรรม ยกเลิกแผนการเดินทาง รวมถึงการหยุดชะงักทางการค้าและการดำเนินธุรกิจเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด
และมีธุรกิจจำนวนมากที่พยายามเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันภัย แต่กรมธรรม์ประกันภัยที่ทำไว้ไม่ครอบคลุมกรณีต้องหยุดการดำเนินธุรกิจอันเป็นผลจากแพร่ระบาดของไวรัสโดยตรง ทำให้เกิดฟ้องร้องระหว่างธุรกิจและบริษัทประกันภัยหลายคดี
ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา “องค์การกำกับทางการเงิน” (เอฟซีเอ) ได้ยื่นเรื่องต่อศาลสูงของยูเค เพื่อพิจารณาถึงความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัยต่อธุรกิจ ในกรณีที่กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการหยุดชะงักทางธุรกิจทั่วไปจะครอบคลุมในกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยตรงด้วยหรือไม่
“บรูซ คาร์เนกี-บราวน์” ประธานของลอยด์เปิดเผยกับซีเอ็นบีซีว่า บริษัทได้จ่ายค่าสินไหมเฉพาะกรมธรรม์คุ้มครองกรณีผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่หรือโรคที่ต้องแจ้งการระบาดต่อทางการ “ขณะที่ทั่วไปแล้ว ลูกค้าจะซื้อความคุ้มครองในลักษณะที่เป็นส่วนขยายของกรมธรรม์ประกันภัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งต้องเกิดความเสียหายเชิงกายภาพขึ้นก่อน จึงจะสามารถเรียกร้องค่าสินไหมได้ ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์ที่ซับซ้อนว่า โควิด-19 ก่อให้เกิดความเสียหายทางกายภาพในที่ทำงานจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลสูง” บราวน์กล่าว
ขณะที่ผู้แทนสมาคมผู้ประกันตนแห่งอังกฤษ (เอบีไอ) ระบุว่า โควิด-19 เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ต่างจากภัยธรรมชาติอย่างพายุ หรือน้ำท่วม ซึ่งตามปกติจะครอบคลุมในการทำประกันภัย หากศาลสูงมีคำตัดสินให้กรมธรรม์คุ้มครองกรณีการหยุดชะงักทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย จะส่งผลให้บริษัทประกันภัยต้องจ่ายค่าสินไหมเพิ่มสูงขึ้น
และกลับกัน หากคำตัดสินชี้ขาดให้บริษัทประภัยไม่ต้องรับผิดชอบ กรณีที่กรมธรรม์ไม่ครอบคลุมโควิด-19 ก็อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อประกันภัยของภาคธุรกิจในอนาคต ทำให้ภาคธุรกิจต้องจ่ายเบี้ยประกันสูงขึ้นเพื่อครอบคลุมกรณีโรคระบาด
ซีอีโอของลอยด์ยังกล่าวสนับสนุนการพิจารณาของศาลสูงครั้งนี้โดยระบุว่า เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดว่าความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัยครอบคลุมกรณีใดบ้าง
“โชคไม่ดีที่ในความเป็นจริง กรมธรรม์ส่วนใหญ่ไม่ครอบคลุมความเสียหายประเภทนี้ ซึ่งเราจะต้องทำอะไรบางอย่างต่อไปในอนาคต เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสได้ซื้อผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสม”