“เวสต์แพ็คแบงก์” ออสเตรเลียโดนปรับ 2.8 หมื่นล้าน เอี่ยวธุรกรรมโอนเงินผิดกฎหมาย

ธนาคารเวสต์แพ็คยอมตกลงนอกศาล จ่ายค่าปรับ 2.8 หมื่นล้าน หลังถูกฟ้องข้อหาให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กโอนเงินหลายล้านดอลลาร์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า “เวสต์แพ็ค แบงก์กิ้ง”ธนาคารของออสเตรเลีย ยอมจ่ายค่าปรับ 1.3 พันล้านออสเตรเลียดอลลาร์ (2.8 หมื่นล้านบาท) หลังจากโดนหน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินออสเตรเลีย ฟ้องข้อหาเป็นธนาคารที่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก โอนเงินผ่านธนาคารจำหนวนหลายล้านดอลลาร์

ทั้งนี้10 เดือนหลังจากหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินออสเตรเลีย (AUSTRAC) สั่งฟ้องร้องธนาคารเวสต์แพ็ค ในที่สุดธนาคารได้เจรจาจ่ายค่าปรับนอกศาล หลังจากได้ปล่อยให้ขบวนการอาชญากรสามารถโอนเงินอยู่หลายปี นอกจากนี้การสืบสวนเพิ่มเติม ก็ได้พบการละเมิดกฏหมายอีก 76,000 ครั้ง

นายปีเตอร์ คิง ประธานกรรมการธนาคารเวสต์แพ็ค แถลงการณ์ว่า ธนาคารจะมุ่งมั่นแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งเงินค่าปรับครั้งนี้มากกว่าจำนวนเงินที่เวสต์แพ็คคาดไว้จากเดิม 900 ล้านออสเตรเลียดอลลาร์ (2 หมื่นล้านบาท) และมากกว่าค่าปรับ 700 ล้านออสเตรเลียดอลลาร์ (1.5 หมื่นล้านบาท) ที่ธนาคาร “คอมม่อนเวลท์แบงก์” ของออสเตรเลียต้องจ่ายหลังจากเจอข้อหาเป็นตัวกลางให้กับนักฟอกเงินในปี 2018

นางนิโคล โรส ประธานหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินออสเตรเลีย แถลงว่าบทบาทของเราคือการต่อสู้กับอาชญากรและการก่อการร้ายที่เอาเปรียบระบบการเงินของกฏหมาย และจำนวนเงินค่าปรับที่สูงเป็นคำเตือนสำหรับธนาคารและอาชญากรคนอื่น ไม่ให้ทำผิดกฏหมาย

จากเอกสารที่ศาลได้เผยแพร่เมื่อวันพฤหัส(24ก.ย.)มีข้อมูลจากการสืบสวนของออสแทร็ค ระบุว่า ธนาคารเวสท์แพ็คมีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลที่โอนเงินผิดกฏหมายเพิ่มจาก 12 ราย เป็น 260 ราย หลังจากได้ขยายขอบเขตการตรวจสอบเงินของธนาคารที่ถูกส่งต่อไปประเทศฟิลิปปินส์และประเทศอื่น ๆ แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเม็กซิโก


นายคริสเตียน พอร์เตอร์อัยการสูงสุดกล่าวว่า ข้อต่อรองค่าปรับของธนาคารก่อนหน้านี้ไม่สามารถทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ และกล่าวว่าค่าปรับล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของบริษัทที่จะปฏิบัติตามกฏหมายของออสเตรเลีย