ซีอีโอ “ดิสนีย์” ประกาศปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ ขยายธุรกิจ “สตรีมมิ่ง” เป็นหัวหอกหลักในการทำเงิน หลังธุรกิจสวนสนุก และภาพยนตร์เจอพิษโควิดกระทบหนัก
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานเมื่อวันจันทร์ (12 ต.ค.) “บ็อบ ชาเพ็ก” ซีอีโอบริษัท “วอลท์ ดิสนีย์” ธุรกิจสื่อและบันเทิงยักษ์ใหญ่ของโลก ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทจะปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยหันมามุ่งเน้นการขยายธุรกิจบนแพลตฟอร์ม “สตรีมมิ่ง” เป็นหัวหอกในการดำเนินธุรกิจ หลังจากมาตรการล็อกดาว์นทั่วโลกช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ทำให้ธุรกิจบันเทิงต่างของบริษัททั้งการแสดงโชว์ สวนสนุก ร้านค้า หรือการฉายภาพยนตร์ไม่สามารถทำกำไร
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ซีอีโอของดิสนีย์กล่าวว่า แผนการขยายธุรกิจสตรีมมิ่งไม่ใช่เพราะผลกระทบจากโควิด-19 เพราะไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเป็นอย่างไร บริษัทก็มีแผนอยู่แล้ว แต่โรคระบาดทำให้ต้องเร่งปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และอัพสเกลแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเร็วขึ้น
หลายๆ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ของดิสนีย์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ดิสนีย์พลัส (Disney Plus) , อีเอสพีเอ็น พลัส (ESPN+) , เอ็น เอช แอล (NHL), แบมเทค มีเดีย (Bamtech Media) ซึ่งแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ของดิสนีย์ ได้เริ่มเปิดบริการเมื่อพ.ย. 2019 ปัจจุบันมีฐานลูกค้าผู้ใช้บริการทั่วโลกถึง 100 ล้านคน และเกินครึ่งเป็นลูกค้าของ “ดิสนี่ย์ พลัส” ซึ่งอาจจะกลายมาเป็นธุรกิจหลักของดิสนีย์ในอนาคต
ขณะที่หลังโควิด-19 ระบาด ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอื่นๆของดิสนีย์อย่างมากเช่นกัน และเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมาสวนสนุก “ดิสนีย์แลนด์” ประกาศปลดพนักงาน 28,000 คน เพราะไม่สามารถเปิดดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
นอกจากนี้ภาพยนตร์ดิสนีย์อย่าง “แบล็ค วิโดว์” (Black Widow) หนังภาคต่อมาร์เวลก็ต้องเลื่อนฉาย และหนังเรื่อง “โซล” (Soul) หนังพิกซาร์ที่ตอนแรกจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ก็ได้ย้ายไปฉายบนแพลทฟอร์มดิสนีย์พลัส (Disney Plus) หนึ่งในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสำหรับดิสนีย์ เดือนธันวาคมนี้แทน