เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่อัตราการติดเชื้อโควิด-19 ลดลง หลาย ๆ ประเทศในยุโรปเริ่มคลายล็อกดาวน์ ร้านอาหาร โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ กลับมาเปิดอีกครั้ง ทำให้เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป นักวิเคราะห์บางคนถึงกับกล่าวว่า นี่คือสัญญานเศรษฐกิจฟื้นแบบตัว “วี”
แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปก็กลายเป็นแค่ “ความทรงจำฤดูร้อน”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
หลังโรคโควิด-19 กลับมาระบาดในยุโรปอีกครั้ง ฝรั่งเศสได้รับการรายงานติดเชื้อถึง 19,000 คนภายในวันเดียว เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวเทียบกับวันก่อนหน้า จนทำให้ “เอ็มมานูเอล มาครง” นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศปิดคาเฟ่และบาร์ตามท้องถนนกรุงปารีสถึงสองอาทิตย์ นอกจากนี้ สหราชอาณาจักร และเยอรมนี ก็กลับมายกระดับมาตรการป้องกันการระบาดอย่างเคร่งครัด หลังมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
การระบาดของโรคโควิด-19 รอบสองนี้ทำให้หน่วยงานรัฐของหลาย ๆ ประเทศ ออกมาปรับลดคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจถ้วนหน้า ฝรั่งเศสที่เคยคาดการณ์ว่า Q4 เศรษฐกิจจะขยายตัว 1% ก็ได้ปรับลดเป็น 0% และคาดว่าทั้งปีจะหดตัว -9%
ขณะที่ธนาคารกลางสเปนคาดการณ์ว่า หากรัฐบาลกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์จะทำให้เศรษฐกิจปีนี้หดตัว -12.6% ส่วนสหราชอาณาจักรที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมากช่วงฤดูร้อน รายงานว่าเศรษฐกิจขยายตัวเพียง 2.1% เมื่อเดือนสิงหาคม และมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ อาจจะทำให้เศรษฐกิจประเทศกลับมาติดลบอีกครั้ง
สถาบันวิจัย “ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์” จัดทำข้อมูลเศรษฐกิจทั่วยุโรประบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงปลายฤดูร้อน มาจากการที่อุตสาหกรรมการผลิตกลับมาเปิดทำการ และหากต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ต้องมีกำลังซื้อที่มากขึ้นจากผู้บริโภคเข้ามาช่วยกระตุ้น แต่หลังจากช่วงเดือนกันยายนที่มีการระบาดรอบใหม่ พบว่าผู้บริโภคอังกฤษมีการใช้จ่ายลดลง
ซึ่งรายงานสรุปว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่แย่ลง จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาหดตัวอีกครั้ง
การหดตัวของเศรษฐกิจครั้งนี้มาในช่วงจังหวะที่มาตรการเยียวยาของรัฐบาลต่าง ๆ ในยุโรปกำลังจะสิ้นสุดลง อย่างรัฐบาลสหราชอาณาจักรที่มีมาตรการสนับสนุนรายได้ให้กับบริษัทเอกชนถึง 80% เพื่อไม่ให้เลิกจ้างพนักงานในช่วงที่โรคโควิด-19 เริ่มระบาด
ซึ่งโครงการนี้กำลังจะสิ้นสุดในปลายตุลาคมนี้ ทำให้ “ริชิ ซูนัก” รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ต้องงัดมาตรการใหม่ที่จะครอบคลุมรายได้ 2 ใน 3 ของธุรกิจที่ต้องปิดตัวในล็อกดาวน์รอบใหม่ ถึงแม้สหราชอาณาจักรจะมีหนี้มหาศาลจากโครงการที่ใช้เงินไปทั้งหมด 3.9 หมื่นล้านปอนด์ (1.5 ล้านล้านบาท) แล้ว
ขณะที่สถานการณ์นี้ยังบีบบังคับให้ผู้นำในกลุ่มประเทศยุโรป ต้องดิ้นรนหามาตรการรับมือเพิ่มเติม เช่น “เปโดร ซานเชซ” นายกรัฐมนตรีสเปน ที่วางแผนว่าจะลงทุนแผนฟื้นเศรษฐกิจด้วยเงิน 7.2 หมื่นล้านยูโร (2.6 ล้านล้านบาท) และอิตาลีที่รอกู้เงิน 2.09 แสนล้านยูโร (7.6 ล้านล้านบาท) จากสหภาพยุโรป
ความทรงจำช่วงฤดูร้อนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กลายเป็นความฝันชั่วคราวที่จบลงเมื่อต้องมาเจอกับ “สงครามฤดูหนาว” กับโรคโควิด-19 อีกครั้ง