สงคราม ‘สตรีมมิ่ง’ เดือด ค่ายยักษ์โดดชิงขุมทรัพย์ใหม่

ตลาดสตรีมมิ่ง
Robyn Beck / AFP

“สตรีมมิ่ง” แพลตฟอร์มที่ผู้ใช้สามารถดูภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือรายการกีฬาและอื่น ๆ ทางออนไลน์ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงโควิด-19 ระบาด เมื่อผู้คนถูกล็อกดาวน์อยู่บ้าน กลายเป็นขุมทรัพย์ใหม่ที่ยักษ์ใหญ่หันมาเปิดเกมรุกธุรกิจนี้มากขึ้น

ข้อมูลจากบริษัท “แกรนด์ วิว รีเสิร์ช” ระบุว่าตลาดแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของโลกถูกประเมินอยู่ที่ 4.26 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปี 2019 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 20.4% ตั้งแต่ปี 2020 จนถึง 2027 แต่จากอานิสงส์ของโควิด-19 ก็ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ตลาดแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งร้อนแรงมากขึ้น

ยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้นำในตลาดก็คือ “เน็ตฟลิกซ์” (Netflix) ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการกว่า 192 ล้านคนทั่วโลก
โดยมีเดียแล็บรายงานว่า ความสำเร็จของเน็ตฟลิกซ์มาจากการเป็น “เจ้าแรก” ของโลกที่ริเริ่มแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่เสถียร เข้าถึงได้ง่าย และคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ได้เข้ามาทำลายอุตสาหกรรมดีวีดี และได้สร้างยุคใหม่ของการดูภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือรายการอื่น ๆ จากบ้าน

บลูมเบิร์กรายงานวิเคราะห์ “แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง” ของยักษ์ใหญ่ค่ายต่าง ๆ ถึงจุดเด่น-จุดด้อย และโอกาสการเติบโตของผู้ท้าชิงในสนามรบนี้ เริ่มตั้งแต่ “ดิสนีย์พลัส” (Disney+) ของค่าย “วอลต์ ดิสนีย์” ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มาแรง ไล่ตาม “เน็ตฟลิกซ์” มาห่าง ๆ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานถึง 60.5 ล้านคน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ายอดผู้ใช้บริการขึ้นมาอยู่อันดับ 2 เพราะมีคอนเทนต์น่าสนใจตามเทรนด์ และจากที่สามารถเข้าถึงผ่านทั้งทางทีวีและสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย

นอกจากนี้ดิสนีย์ยังมีแพลตฟอร์มกีฬาในมือ ไม่ว่าจะเป็นอีเอสพีเอ็นพลัส (ESPN+), เอ็นเอชแอล (NHL) และแบมเทค มีเดีย (Bamtech Media) ที่เมื่อรวมกับดิสนีย์พลัสจะมีผู้ใช้งานถึง 100 ล้านคนและล่าสุด “บ็อบ ชาเพ็ก”

ซีอีโอของวอลต์ ดิสนีย์ก็ออกมาประกาศว่า ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ขยายบทบาท “สตรีมมิ่ง” เป็นหัวหอกในการสร้างรายได้ หลังจากธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ การสร้างภาพยนตร์ การแสดงโชว์ต่าง ๆ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 จนทำให้ไตรมาสที่ผ่านมา (เม.ย.-มิ.ย. 2020) ดิสนีย์ขาดทุนสุทธิสูงถึง 4,718 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Advertisment

ผู้เล่นอีกรายคือ “แอปเปิล ทีวีพลัส” (Apple TV+) ของแอปเปิล ซึ่งได้รับความนิยมสูงในช่วงแรก
เพราะซื้อรายการดังในอเมริกาเข้าไว้บนแพลตฟอร์ม และยังซื้อภาพยนตร์ที่ไม่ได้ฉายในโรงหนังมาลงบนแพลตฟอร์ม แต่ขณะนี้ก็เริ่มแผ่วเพราะคู่แข่งรายอื่นค่อนข้างรุกหนัก

ขณะที่ “เอชบีโอ แมกซ์” (HBO Max) ของ “เอทีแอนด์ที” บริษัทโทรคมนาคมใหญ่ที่สุดในโลก เป็น
แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มี “ภาพยนตร์และซีรีส์” ที่นักวิเคราะห์มองว่าดีที่สุด รวมทั้งยังมี “ไลบรารี่” รวบรวมภาพยนตร์และรายการเด็กที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ข้อมูลฐานสมาชิกรวม ณ เดือน ส.ค.อยู่ที่ 36.3 ล้านคน

Advertisment

นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของเอเชียอย่าง “วีทีวี” (WeTV) ของกลุ่มเทนเซ็นต์ ที่มีผู้ใช้งานในประเทศจีนสูงถึง 600 ล้านบัญชีต่อเดือน และ “ที-ซีรีส์” (T-Series) แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของ “อินเดีย” ที่มีคนซับสไครบ์ถึง 157 ล้านคน และเป็นช่องยูทูบที่คนกดซับสไครบ์มากที่สุดในโลก

สงครามธุรกิจสตรีมมิ่งร้อนแรงมากขึ้น เมื่อยักษ์ใหญ่ทั้งหลายพยายามพลิกวิกฤตโควิด-19 ให้เป็นโอกาส ด้วยการโดดเข้ามาแย่งขุมทรัพย์ใหม่แห่งนี้