นับถอยหลังกระบวนการ “เบร็กซิต” ที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะครบกำหนดการเปลี่ยนผ่าน 31 ธ.ค. 2563 แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะเพิ่มความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น
เมื่อ “บอริส จอห์นสัน” นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ออกมาเปิดเผยเมื่อ 16 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า การเจรจาข้อตกลงการค้ากับอียู เพื่อกำหนดแนวทางหลังครบระยะ เปลี่ยนผ่านจากการเบร็กซิต “เป็นอันยุติ” และพร้อมเดินหน้าต่อไป “โดยปราศจากข้อตกลง” (no deal) หลังการประชุมร่วมกับ “ไมเคิล บาร์เนียร์” หัวหน้าคณะเจรจาเบร็กซิตของอียู ที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้
- เช็กที่นี่ ออมสิน-ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อปิดหนี้นอกระบบ 20,000 บาท ใครกู้ได้บ้าง!
- กรุงเทพฯ กปน.หยุดจ่ายน้ำ 21 มี.ค. 18 พื้นที่ รับมือน้ำไม่ไหล เช็กที่นี่
- เร่งสายสีแดง มธ.รังสิต-มหิดล ศาลายา คอนโดฯ-บ้านเดี่ยวจ่อเปิดตัวรับเทรนด์ปีมังกร
เดอะ การ์เดียน รายงานว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส” ได้ปรับลดระดับความน่าเชื่อถือประเทศลงมาจากระดับ Aa3 มาสู่ Aa2 โดยอ้างถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่ลดลงจากผลกระทบของโควิด-19 ท่ามกลางการระบาดรุนแรงรอบใหม่ และความไม่แน่นอนของเบร็กซิตที่ยังไม่สามารถทำข้อตกลงได้ ส่งผลให้เงินปอนด์อ่อนค่า 0.3% เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร
พร้อมระบุว่า รัฐบาลอังกฤษล้มเหลวในการสร้างความเชื่อมั่นสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ และแสดงให้เห็นถึงการที่สหราชอาณาจักรไม่พยายามทำข้อตกลงให้ทั้งอียูและสหราชอาณาจักรได้ประโยชน์ร่วมกัน
ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานว่า การที่ “บอริส จอห์นสัน” ขู่ไม่เจรจาข้อตกลงการค้ากับอียูต่อ และปล่อยให้กระบวนการเบร็กซิตเกิดขึ้นแบบ “โนดีล” หรือการที่ไม่มีข้อตกลงการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรกับอียู จะมีผลกระทบ “ขั้นวิกฤต” กับเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักรอย่างมาก เนื่องจากภาคธุรกิจต่าง ๆ จะต้องเผชิญกับอัตราภาษีศุลกากร การนำเข้าสินค้า และการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศเหมือนกับไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรป
ส่งผลให้กลุ่มผู้ประกอบการในสหราชอาณาจักรถึง 190,000 บริษัท จากกว่า 70 องค์กรการค้าต่าง ๆ ที่ครอบคลุมแรงงานกว่า 7 ล้านคน ทั้งสมาคมผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ อุตสาหกรรมยา ธุรกิจการเกษตร ปิโตรเคมี การบิน ธุรกิจการเงิน รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยี ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษเร่งเดินหน้าเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป
โดยระบุว่า หากไม่มีข้อตกลงใหม่กับสหภาพยุโรป ประเด็นเรื่องภาษีศุลกากรและกฎหมายด้านอื่น ๆ จะเป็นปัญหาให้ดำเนินธุรกิจได้ยากลำบาก และส่งผลกระทบในระยะยาว พร้อมจี้ให้นักการเมืองรีบประชุมเจรจาข้อตกลงภายในอาทิตย์นี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ ประธานสมาคมอุตสาหกรรมยาของอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลต้องรีบเจรจาทำข้อตกลง เนื่องจากตอนนี้ไม่มีความชัดเจนเลยว่ากฎหมายการทดลองยา และการขนส่งยาในปีหน้าจะเป็นอย่างไร ขณะที่ “พอลล์ อีฟเรตต์” ประธานสมาคมการค้าธุรกิจการบินและอวกาศ กล่าวว่า ถ้าหากไม่มีข้อตกลงการค้าจะทำให้การขนส่งสินค้าข้ามแดนเป็นไปอย่างล่าช้าและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มวิกฤตธุรกิจจากเดิมที่ต้องรับมือกับโรคโควิด-19 ระบาดอยู่แล้ว
หากไม่สามารถทำข้อตกลงได้ สหภาพยุโรปจะต้องทำการค้ากับสหราชอาณาจักรเหมือนประเทศนอกอียู ทำให้อาจกลายเป็น “เบร็กซิต” ที่ตัดความสัมพันธ์ในสหภาพยุโรปไปเลย