“โรบินสันส์” 2 สาขาสุดท้ายในสิงคโปร์ เตรียมปิดกิจการ จบตำนานห้างเก่าแก่อายุกว่า 160 ปี
วันที่ 30 ตุลาคม 2563 เว็บไซต์ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า หลังเปิดให้บริการมานานกว่า 160 ปี ที่สิงคโปร์ ในที่สุดห้าง “โรบินสันส์” ก็จะปิด 2 สาขาสุดท้ายลง ได้แก่ สาขาศูนย์การค้าแรฟเฟิล ซิตี้ ช้อปปิ้ง และสาขาเดอะฮีเรน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
“โรบินสันส์” ซึ่งเป็นของกลุ่มบริษัท อัล-ฟุทเทม เผยในแถลงการณ์ที่ส่งถึงสื่อมวลชนในวันนี้ (30 ต.ค.63) ว่า การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อสินค้าในห้าง และดีมานด์ที่ลดลงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทางบริษัทระบุว่า โรบินสันส์ได้เริ่มกระบวนการชำระบัญชีของทั้ง 2 สาขา และได้แจ้งพนักงานให้ทราบถึงสถานการณ์แล้ว
โดยผู้ชำระบัญชีชั่วคราวได้เข้าจัดการทรัพย์สินของบริษัท พร้อมประเมินทางเลือกต่างๆ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนสุงสุดให้กับเจ้าหนี้
ทางบริษัท กล่าวด้วยว่า ผู้ชำระบัญชีหวังว่าห้างจะยังเปิดทำการต่อไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ก่อนที่จะปิดตัวลง
โรบินสันส์ เผยด้วยว่า พนักงานได้รับแจ้งเกี่ยวกับการชำระบัญชีในวันนี้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าขั้นตอนการชำระบัญชีจะทำให้พนักงานได้รับผลตอบแทนสูงสุด
ฝ่ายบริหารของโรบินสันส์ยังรับรองด้วยว่า พนักงานจะได้รับเงินตามกฎหมายล้มละลาย, การปรับโครงสร้าง และเลิกกิจการ
การซื้อของออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภค ท่ามกลางพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงข้อจำกัดจากโควิด-19
ดีมานด์ห้างขนาดใหญ่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยข้อมูลอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า ยอดขายของห้างสรรพสินค้าลดลง 35.3% ในเดือนสิงหาคม
แถลงการณ์จากโรบินสันส์ เผยด้วยว่า แนวโน้มดังกล่าวส่งผลกระทบต่อห้างสรรพสินค้า ทั้งในสิงคโปร์และทั่วโลก ขณะที่ผลจากโควิด-19 ทำให้ผลกระทบมีความรุนแรงมากขึ้น
ในปีที่ผ่านมา มีร้านค้าปลีกจำนวนมากที่ปิดตัวลง ทั้งในและนอกสิงคโปร์
ส่วนห้างโรบินสันส์ในมาเลเซีย ซึ่งมี 2 สาขา ได้แก่ สาขาโฟร์ ซีซั่น เพลส และ สาขาการ์เด้นส์ มอลล์ ก็อยู่ในกระบวนการชำระบัญชีเหมือนกัน
โรบินสันส์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2401 ในสิงคโปร์ โดย “ฟิลลิป โรบินสัน” และ “เจมส์ แกโบเรียน สไปเซอร์”