หลังจากชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา “โจ ไบเดน” ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้เริ่มทำงานจากออฟฟิศชั่วคราวที่บ้านเกิดรัฐวิลมิงตัน เดลาแวร์ และได้เริ่มฟอร์มทีมที่นั่งผู้นำกระทรวงและองค์กรสำคัญต่าง ๆ ซึ่งทาง “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวมมาดังนี้
“แอนโทนี่ บลินเคน” ดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ” ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศสมัยบารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดี
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
“อเลฮานโดร มายอร์กาส” ดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา” ซึ่งอดีตเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และผู้อำนวยการหน่วยบริการพลเมืองและตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐ
“รอน เคลน” ดำรงตำแหน่ง “เสนาธิการทำเนียบขาว” ซึ่งเคยเป็นเสนาธิการรองประธานาธิบดีให้กับอดีตรองประธานาธิบดี “อัล กอร์” และตอนที่ “โจ ไบเดน” เป็นรองประธานาธิบดี
“อาฟริล เฮย์นส” ดำรงตำแหน่ง “ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ” (DNI) ซึ่งอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ในช่วงที่บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดี
“เจค ซัลลิแวน” ดำรงตำแหน่ง “ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา” ซึ่งเคยเป็นอดีตที่ปรึกษาด้านกฏหมายให้กับฮิลลารี คลินตัน ขณะที่หาเสียงเป็นประธานาธิบดีเมื่อปี 2016
“ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์” ดำรงตำแหน่ง “เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (UN)” ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศด้านกิจการแอฟริกา
“จอห์น เคอร์รีย์” ดำรงตำแหน่ง “ที่ปรึกษาพิเศษด้านสภาพอากาศ” ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมัยที่บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดี
“เจเน็ต เยลเลน” ดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เป็นประธานธนาคารกลาง (FED) และเธอจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่นั่งตำแหน่งนี้
อย่างไรก็ตาม ทุกตำแหน่งยกเว้นที่ปรึกษาพิเศษด้านสภาพอากาศยังต้องรอการรับรองจากสมาชิกวุฒิสภาจึงจะสามารถดำรงตำแหน่งเหล่านี้ได้