ถอดแนวคิด ‘เจเน็ต เยลเลน’ ว่าที่ รมว.คลังรัฐบาล ‘ไบเดน’

ถอดแนวคิด ‘เจเน็ต เยลเลน’ ว่าที่ รมว.คลังรัฐบาล ‘ไบเดน’
(FILES) Photo by Brendan Smialowski / AFP
คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก
นงนุช สิงหเดชะ

ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ “โจ ไบเดน” ได้ทยอยเปิดเผยรายชื่อบุคคลที่จะมาร่วมเป็นคณะรัฐบาลและทีมงานบริหารประเทศต่อจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” แล้ว โดยหนึ่งในตำแหน่งสำคัญที่ได้รับการจับตาก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งไบเดนประกาศว่าจะเลือก “เจเน็ต เยลเลน” อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มาดำรงตำแหน่งนี้

หากเยลเลนได้รับการรับรองจากวุฒิสภา ก็จะกลายเป็นบุคคล “สำคัญมาก” ต่อนโยบายการค้าของสหรัฐที่มีต่อจีน หลังจากความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศตึงเครียดหนักตลอดสมัยของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เปิดศึกการค้ากับจีนผ่านมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ตลอดจนการสกัดจีนทุกวิถีทางโดยเฉพาะกิจการด้านไอที อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครทราบจุดยืนของเยลเลนต่อจีนมากนัก

ทว่าสิ่งที่เห็นชัดก็คือเธอสนับสนุนการค้าแบบเปิดและระบบการค้าสากล ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า เธอน่าจะมีท่าทีแบบเดียวกับคนอื่น ๆ ในทีมของไบเดน นั่นคือเดินทางสายกลาง

“คลีต วิลเลม” อดีตหัวหน้าทีมเจรจาการค้าทำเนียบขาว ให้ความเห็นว่า รัฐบาล โจ ไบเดน ต้องการจะผ่อนคลายความตึงเครียดกับจีน ดังนั้นน่าจะให้ความสำคัญการเจรจาและสื่อสารกับจีนเป็นอันดับแรก “ถ้าหากดูจากประวัติของเยลเลน เธอเดินสายกลางเกี่ยวกับประเด็นของจีนมากกว่าคนในรัฐบาลทรัมป์” วิลเลมระบุ

สื่ออเมริกันอย่างซีเอ็นบีซี ได้รวบรวมการแสดงความเห็นของเยลเลนในอดีตเกี่ยวกับการค้าและจีน เพื่อเป็นแนวทางในการคาดหมายท่าทีของรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ต่อจีน อาทิ นโยบายปกป้องการค้าภายใต้รัฐบาลทรัมป์ เธอเคยวิจารณ์เรื่องนี้เมื่อเดือน มิ.ย. 2018 หรือ 4 เดือนหลังก้าวลงจากตำแหน่งประธานเฟด เธอแสดงความกังวลที่ทรัมป์ใช้นโยบายนำสหรัฐออกไปจากระบบพหุภาคีที่วางอยู่บนกฎระเบียบสากล สหรัฐกำลังถอยห่างจากสถาบันหลัก ๆ ที่สหรัฐเป็นผู้สร้างขึ้นมาหลังจากสงครามโลก “มันน่ากังวลอย่างมากที่เห็นสหรัฐกำลังใช้ระบบทวิภาคีและการตัดสินใจทำอะไรตามลำพัง”

ในประเด็นการขึ้นภาษีสินค้าจีนในยุคทรัมป์ เยลเลนเคยตั้งข้อสงสัยว่าการขึ้นภาษีจะช่วยให้สหรัฐบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้จริงหรือ เธอเห็นว่าการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนในอัตราสูงจะทำร้ายธุรกิจอเมริกันมากกว่า

เจเน็ต เยลเลน วัย 74 ปี ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานเฟดหญิงคนแรกในรัฐบาล “บารัก โอบามา” แต่เมื่อมาถึงยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ต่อวาระให้เธออีกสมัย โดยระหว่างหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์เยลเลนอย่างหนัก กล่าวหาว่าเธอใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือรัฐบาลโอบามา หากเธอได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังในครั้งนี้ จะทำให้เธอเป็นรัฐมนตรีคลังหญิงคนแรกของสหรัฐคนแรกเช่นกัน เท่ากับว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ดำรงทั้งตำแหน่งประธานเฟดและรัฐมนตรีคลัง

ทางด้าน “โจ ไบเดน” ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์ก ไทมส์ ว่า จะยังไม่ยกเลิกอัตราภาษีที่เก็บจากจีนในสมัยทรัมป์ทันที แต่จะขอทบทวนข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบันก่อน เราจะยังไม่เข้าทำข้อตกลงการค้าใหญ่ใด ๆ กับใคร จนกว่าเราจะได้ลงทุนเรื่องใหญ่ ๆ ในประเทศเพื่อสร้างงาน รวมทั้งการศึกษาก่อน นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่ตนจะทำ ขณะเดียวกันก็จะพัฒนากลยุทธ์ที่เชื่อมโยงสอดคล้องกับพันธมิตรดั้งเดิมทั้งในยุโรปและเอเชีย

“ผมคิดว่ากลยุทธ์ที่ดีที่สุดเกี่ยวกับจีนก็คือ กลับมาอยู่ที่เดียวกับพันธมิตรของเรา นี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่ผมจะทำในสัปดาห์แรก ๆ ของการเข้าบริหารประเทศ”


นัยคำพูดของไบเดนที่ว่า กลยุทธ์ของสหรัฐที่ดีที่สุดในการรับมือจีนก็คือกลับไปผนึกกำลังชาติพันธมิตร เพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับจีน ซึ่งเป็นนโยบายตรงข้ามกับทรัมป์ ที่ใช้วิธีเปิดศึกกับชาติพันธมิตรทั้งในยุโรปและเอเชีย จนทำให้ขาดแนวร่วมในการกดดันจีน ซึ่งท่าทีของไบเดน สอดคล้องกับแอนโทนี บลิงเคน ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่