แอมเนสตี้ หวั่น ประชากรประเทศยากจนแค่ 1 ใน 10 ได้ฉีดวัคซีน

วัคซีนโควิดไม่พอ
ภาพโดย Frauke Riether จาก Pixabay

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ชี้ ประเทศร่ำรวย “กักตุน” วัคซีนโควิด-19 ทำให้ประเทศยากจนขาดแคลนวัคซีน

วันที่ 9 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวอาร์ที รายงานว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชน “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล” เตือนว่า จะมีประชากรในประเทศยากจนเพียง 1 ใน 10 คน เท่านั้น ที่มีโอกาสได้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปี 2021 ขณะที่ประเทศร่ำรวยมีการกักตุนวัคซีนเกินความจำเป็นถึง 3 เท่า

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นหนึ่งในพันธมิตรขององค์กรสิทธิมนุษยชนชื่อ “เดอะ พีเพิลส์ วัคซีน” ซึ่งเผยแพร่รายงานที่น่าตกใจนี้ เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น

องค์กรดังกล่าวระบุว่า “แคนาดา” คือประเทศที่ทำผิดร้ายแรงสุด เนื่องจากเป็นประเทศที่สามารถฉีดวัคซีนให้กับประชากรในประเทศเกือบ 38 ล้านคน ได้ถึง 5 ครั้ง หากวัคซีนที่แคนาดาสั่งซื้อมาทั้งหมดได้รับการอนุมัติใช้

องค์กรนี้ยังระบุด้วยว่า ประเทศร่ำรวย ซึ่งคิดเป็น 14% ของประชากรในโลก ได้ซื้อวัคซีนมากถึง 53% ของวัคซีนที่มีความหวังว่าจะสำเร็จ

สถานการณ์นี้ทำให้ 67 ประเทศยากจน สามารถจัดหาวัคซีนครอบคลุมประชากรเพียง 10% เท่านั้น เว้นแต่รัฐบาลและอุตสาหกรรมยาของประเทศเหล่านี้จะดำเนินการอย่างเร่งด่วน

องค์กรต่าง ๆ ได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างประเทศต่าง ๆ กับ 8 ผู้ผลิตวัคซีนชั้นนำ เพื่อหาข้อสรุป

แอมเนสตี้ ตั้งข้อสังเกตว่า 5 ใน 67 ประเทศยากจน ได้แก่ เคนยา, เมียนมา, ไนจีเรีย, ปากีสถาน และ ยูเครน มีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดรวมกันเกือบ 1.5 ล้านคน

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก เตือนว่า วัคซีนโควิดต้องเป็น “สินค้าสาธารณะแห่งโลก” (a global public good) พร้อมแสดงความหวังว่า วัคซีนปริมาณ 2 พันล้านโดส จะถูกจัดส่งให้ประเทศต่าง ๆ ภายในสิ้นปี 2021

ปัจจุบัน วัคซีนป้องกันโควิดมากกว่า 150 ตัว กำลังได้รับการพัฒนาทั่วโลก แต่มีวัคซีนเพียงไม่กี่ตัวที่จะถูกนำมาใช้ โดยวัคซีนที่จะเริ่มใช้ในราชอาณาจักร เป็นวัคซีนที่เพิ่งได้รับการอนุมัติของ “ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค” ขณะที่ในรัสเซียมีวัคซีนในประเทศที่ชื่อว่า “สปุตนิก-วี”

“แมทต์ แฮนคอก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาหวังว่าวัคซีนที่ได้รับการพัฒนาโดย แอสตราเซเนกา ของอังกฤษ-สวีเดน จะได้รับการอนุมัติในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ก่อให้เกิดคำถามมากมาย เนื่องจากกลุ่มที่เข้ารับการทดสอบวัคซีนทั้ง 2 กลุ่ม มีผลการทดสอบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้รับปริมาณยาที่แตกต่างกัน

จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกได้ทะลุ 68 ล้านรายแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1.5 ล้านคน