เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำที่สุด และซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐกลับมาฟื้นตัวตามปกติได้
วันที่ 17 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า “เจโรม พาวเวล” ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงการณ์ครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีเกี่ยวกับมาตรการของเฟดและคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.00 – 0.25% อย่างน้อยจนถึงปี 2023 หรือจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นกลับมาเป็นปกติ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ทั้งนี้ เฟดจะซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) วงเงินรวม 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Treasury securities) ด้วยวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่ออยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (agency mortgage-backed securities) ด้วยวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
หลังจากสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคโควิด-19 เฟดหวังว่ามาตรการเหล่านี้จะเข้ามาช่วยให้ศักยภาพการจ้างงานจะกลับมาในระดับปกติ และเพิ่มอัตราเงินเฟ้อให้บรรลุเป้าหมาย 2% ที่เคยวางไว้
นอกจากนี้ ทางเฟดได้คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้จะหดตัวลงเพียง – 2.4% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าจะหดตัว -3.7% และ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัว 4.2% ขณะที่อัตราการว่างงานของสหรัฐจะลดลงจาก 6.7% เหลือเพียง 5%
พาวเวลกล่าวว่าในช่วงอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก จากอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่ประชากรทั่วประเทศจะเข้าถึงวัคซีนได้