Gucci กำลังเปิดแฟล็กชิพสโตร์ 2 ร้านบนตลาดสินค้าหรูออนไลน์ Tmall Luxury Pavilion ของอาลีบาบา ชี้ให้เห็นว่าตลาดจีนมีความสำคัญมากต่อธุรกิจสินค้าแบรนด์เนมที่พยายามหารายได้เพื่อพยุงธุรกิจในช่วงไวรัสโคโรนาระบาด
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า วันนี้ (18 ธ.ค. 2563) กุชชี่และอาลีบาบา แถลงการณ์ร่วมกันเกี่ยวกับการเปิดแฟล็กชิพสโตร์ของกุชชี่ครั้งแรกบนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ในเครืออาลีบาบา โดยจะมีทั้งหมด 2 ร้าน เป็นร้านขายสินค้าประเภทแฟชั่นและเครื่องหนัง จะเปิดขายในวันที่ 21 ธ.ค. 2563 และอีกร้านเน้นผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่ดำเนินงานโดย Coty ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับไลเซนซ์จากกุชชี่ โดยจะเปิดขายในเดือน ก.พ. 2564
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- สหรัฐปรับ เอสซีจี พลาสติกส์ ละเมิดคว่ำบาตรอิหร่าน เรื่องเป็นอย่างไร บริษัทไหนเกี่ยวบ้าง ?
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
จีนถือเป็นประเทศที่ผู้บริโภคจับจ่ายซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือมากกว่าในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป จึงเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับธุรกิจแบรนด์หรูในปีนี้ เพราะเริ่มมีสัญญาณยอดขายออนไลน์ในจีนพุ่งสูงขึ้น นับตั้งแต่มาตรการล็อกดาวน์เริ่มคลี่คลาย
ทั้งนี้ ก่อนที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่า 35% ของยอดขายสินค้าแบรนด์เนมทั่วโลกมาจากลูกค้าชาวจีน โดย Bain & Co. บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจคาดการณ์ว่า ภายในปี 2568 ตลาดสินค้าแบรนด์เนมในจีนจะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดครองส่วนแบ่งถึง 50% ของทั่วโลก
เมื่อก่อนแบรนด์หรูส่วนใหญ่จะสงวนท่าทีในการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ถึงแม้กุชชี่จะมี gucci.cn เป็นเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ที่เข้าหากลุ่มลูกค้าจีน และมีการทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มของจีนอย่าง Weibo และ WeChat แต่ไม่เคยขายบนอีมาร์เก็ตเพลซจีนมาก่อน
การแพร่ระบาดของโควิด-19 บังคับให้ธุรกิจแบรนด์หรูจำเป็นต้องปรับตัว เปลี่ยนไปทำการค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น รวมถึงผ่านอีมาร์เก็ตเพลส นอกจากนั้นยังเริ่มหันหากลุ่มผู้บริโภคที่อายุน้อยลง ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนช่วยผลักดันให้เกิดการฟื้นตัวหลังไวรัสระบาด
