อังกฤษทุ่มเงินเพิ่ม 1.8 แสนล้านบาท ชดเชยธุรกิจค้าปลีก-ท่องเที่ยว-บันเทิง

หลังจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ระบาดภายในประเทศอย่างหนัก ทางการอังกฤษจึงตัดสินใจเพิ่มมาตรการล็อคดาว์น ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องออกเงินชดเชยเพิ่มเพื่อให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสามารถอยู่รอดได้

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าวันนี้ (5 ม.ค.) “ริชี ซูนัค” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหราชอาณาจักร (สมุหพระคลังและธนารักษ์น้อยในสมเด็จฯ) แถลงการณ์ว่ารัฐบาลทุ่มเงิน 4.6 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท) เข้าช่วยเหลือธุรกิจค้าปลีก ท่องเที่ยว และสถานบันเทิง โดยแต่ละธุรกิจจะได้รับเงินชดเชยมากสุดถึง 9,000 ปอนด์ (ประมาณ 366,000 บาท) ต่อธุรกิจหรือสินทรัพย์ หลังจาก “บอริส จอห์นสัน” นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรแถลงการณ์ว่าโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักทำให้ประเทศอังกฤษ และสก็อตแลนด์ต้องเพิ่มมาตรการล็อคดาว์น นำมาสู่การสั่งปิดสถานที่เหล่านี้ทั้งหมด

Photo by HENRY NICHOLLS / POOL / AFP

เงินชดเชยก้อนนี้จะมาเข้าช่วยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาว์น นอกเหนือโครงการชดเชยคนที่โดนพักงาน (furlough scheme) ที่ถูกขยายไปจนถึงปลายเดือนเม.ย. นอกจากนี้รัฐบาลเตรียมเงินไว้อีก 594 ล้านปอนด์เพื่อเข้าช่วยเหลือธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ

มาตรการล็อคดาว์นใหม่ทำให้ประเทศอังกฤษและเวลส์ต้องสั่งปิดร้านค้าปลีก สถานบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่อื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต (non-essential business)

ริชิ ซูนัดระบุว่าเงินชดเชยก้อนนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถอยู่รอด ทันช่วงรอยต่อที่ธุรกิจเหล่านี้จะสามารถกลับมาเปิดทำการได้ตามปกติ

จอห์นสันแถลงการณ์ว่าทั้งประเทศอังกฤษและเวลส์ต้องยกระดับมาตรการล็อคดาว์นเนื่องจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ภายในประเทศ ซึ่งมีอัตราการระบาดเร็วกว่าเชื้อเดิมถึง 70% ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา อังกฤษพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 58,784 คน และผู้เสียชีวิตถึง 704 คน

ทั้งนี้ จอห์นสันระบุอย่างชัดเจนว่าให้ประชาชนอยู่ที่บ้านให้ได้มากที่สุด ยกเว้นกรณีที่จำเป็นจริง ๆ อย่างเช่นการออกไปพบแพทย์ ซื้ออาหาร ออกกำลังกาย ไปทำงานที่ไม่สามารถทำที่บ้านได้ และให้ย้ายการเรียนทุกระดับชั้นไปเรียนออนไลน์ นอกจากนี้เน้นย้ำให้ประชาชนปกป้อง ดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่นคนที่มีโรคประจำตัว หรือผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด