ทรัมป์ออก “คำสั่งพิเศษ” แบนทำธุรกรรมการเงินผ่าน “แอปพลิเคชั่นจีน”

REUTERS/Thomas Peter

“อาลีเพย์” และ “วีแชทเพย์” เป็นส่วนหนึ่งใน 8 แอพพลิเคชั่นที่อยู่ภายใต้คำสั่งพิเศษทรัมป์ ว่าด้วยการแบนการทำธุรกรรมการเงินผ่านแอปพลิเคชั่นจีน

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ) “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐได้เซ็นรับรองคำสั่งพิเศษ (executive order) ให้สหรัฐแบนการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปพลิเคชั่นที่มีซอฟท์แวร์จากจีนทั้งหมด 8 แอปพลิเคชั่น หลังกังวลว่าแอปจากจีนจะเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาได้

แอปพลิเคชั่นที่เอกสารคำสั่งพิเศษระบุไว้ได้แก่ “อาลีเพย์” (Alipay) ของบริษัทแอนท์ กรุ๊ป “คิวคิว วอลเลท” (QQ Wallet) และ “วีแชทเพย์” (WeChat Pay) ของบริษัทเทนเซ็นท์ นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชั่น “แคมสแกนเนอร์” (CamScanner) “แชร์อิท” (SHAREit) “เทนเซนท์คิวคิว” (Tencent QQ) “วีเมท” (VMate) และ “ดับเบิลยูพีเอส ออฟฟิศ” (WPS Office)

เอกสารคำสั่งพิเศษระบุว่า แอปพลิเคชั่นจีนเหล่านี้สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้สหรัฐ อย่างข้อมูลบุคคลส่วนตัว ผ่านเครื่องมือสื่อสารผู้ใช้ และทางการจีนสามารถสร้างฐานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้ได้

รัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกำหนดรายละเอียดขอบเขตการทำธุรกรรมกับแอปพลิเคชั่นเหล่านี้ภายใน 45 วันต่อจากนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อ “โจ ไบเดน” ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเข้ารับตำแหน่งวันที่ 20 ม.ค. นี้ เขาสามารถเพิกถอนคำสั่งพิเศษของทรัมป์ แต่ยังไม่มีรายละเอียดจากทางไบเดนว่าจะมีการเปลี่ยนคำสั่งพิเศษนี้หรือไม่


ก่อนหน้านี้ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (The New York Stock Exchange:NYSE) แถลงการณ์ว่าจะเพิกถอน 3 บริษัทผู้ให้บริการมือถือจีน ออกจากตลาดหลักทรัพย์ ตามคำสั่งพิเศษของทรัมป์ว่าด้วยการห้ามให้ประชาชนชาวอเมริกันลงทุนธุรกิจที่กองทัพจีนเป็นเจ้าของหรืออยู่ในการควบคุมของทางการจีน แต่ได้ยกเลิกการเพิกถอนนี้ไปหลังจากได้พูดคุยกับหน่วยกำกับดูแล ซึ่งคำสั่งพิเศษที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ทำให้ความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกทวีความรุนแรงขึ้น