เมลาเนีย ทรัมป์ ออกจากทำเนียบขาวด้วยคะแนนนิยมแย่ที่สุด

ที่มาภาพ: REUTERS/Carlos Barria

“เมลาเนีย ทรัมป์” อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ ออกจากทำเนียบขาวด้วยคะแนนนิยมแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ผลคะแนนดังกล่าวมาจากการสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นที่ทำร่วมกับ SSRS ตั้งแต่วันที่ 9 – 14 มกราคม 2564 ด้วยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ 1,003 คน และใช้วิธีสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์

ทำลายสถิตินางคลินตัน

นับตั้งแต่มีการสำรวจคะแนนนิยมสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐครั้งแรกเมื่อปี 1973 ในยุคที่นางแพ็ต นิกสัน ภรรยาของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ นายริชาร์ด นิกสัน เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง นางทรัมป์มีคะแนนนิยมก่อนออกจากทำเนียบขาวต่ำที่สุด อยู่ที่ 42% และมีคะแนนไม่เป็นที่ชื่นชอบสูงที่สุด อยู่ที่ 47%

เธอยังทำลายสถิติสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐที่มีคะแนนนิยมก่อนออกจากทำเนียบขาวเพิ่มขึ้นมาน้อยกว่า 40 คะแนนของนางฮิลลารี คลินตัน จากการสำรวจในปี 2001 โดยนางคลินตันได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นมาเพียง 13 คะแนน ทำให้เธอมีคะแนนนิยมอยู่ที่ 52% และคะแนนไม่เป็นที่ชื่นชอบอยู่ที่ 39%

ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยคะแนนนิยมของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐตอนออกจากทำเนียบขาว ช่วงก่อนยุคนางทรัมป์อยู่ที่ 71% ส่วนคะแนนไม่เป็นที่ชื่นชอบอยู่ที่ 21% นั่นหมายความว่าคะแนนความนิยมของเธอห่างไกลกับค่าเฉลี่ยมาก

โดนัลด์ ทรัมป์ มีส่วนให้ภรรยาไม่เป็นที่ชื่นชอบ?

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นวิเคราะห์ว่า ถึงแม้นางคลินตันจะมีคะแนนนิยมไม่สูงนัก แต่เธอสามารถครองที่นั่งวุฒิสภาสหรัฐฯช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่นายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ จะออกจากตำแหน่ง แล้วหลังจากนั้นเธอก็มีบทบาททางการเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการผลักดันการปฏิรูปนโยบายดูแลสุขภาพ ซึ่งต่างจากอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐส่วนใหญ่

ขณะที่คนอเมริกันแทบจะไม่รับรู้บทบาทการทำงานในทำเนียบขาวของนางทรัมป์เลย ทั้งนี้ คะแนนความนิยมของเธออยู่ในอันดับต่ำมาตั้งแต่ช่วงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มหาเสียงแล้ว ซึ่งหลายคนมองว่าการที่เธอเกี่ยวข้องกับเขาส่งผลเสียต่อคะแนนความนิยมของเธอ

แต่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นกได้วิเคราะห์เปรียบเทียบกับครั้งที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ นายนิกสัน มีเหตุการณ์อื้อฉาวเกี่ยวกับคดีลักลอบโจรกรรมในสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต ที่อาคาร Watergate จนทำให้เขาต้องลาออกจากตำแหน่งในปี 1973 ว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ทำให้คะแนนนิยมของนางนิกสันลดลง เพราะ 83% ของชาวอเมริกันให้คะแนนนิยมเธอเพิ่มอย่างน้อย 1 คะแนน และมีเพียงคน 13% เท่านั้นที่ให้คะแนนเธอลดลง

สาเหตุที่นางทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำที่สุดว่า อาจเป็นเพราะการแบ่งขั้วทางการเมืองของสหรัฐฯชัดเจนมากขึ้น

คะแนนนิยมสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่

นางลอร่า บุช ได้พิสูจน์แล้วว่า สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐสามารถมีคะแนนความนิยมมากกว่าสามี โดยจากการสำรวจคะแนนนิยมเธอในเดือนมกราคม 2009 คะแนนความนิยมเธออยู่ที่ 67% และคะแนนไม่เป็นที่ชื่นชอบอยู่ที่ 20% ขณะที่คะแนนความนิยมของนายจอร์จ บุช อยู่ที่ 35% เท่านั้นในแบบสำรวจเดียวกัน

ทั้งนี้ มีเพียงนางบุช และนางมิเชลล์ โอบามา ที่เป็นอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐที่มีคะแนนนิยมเกือบเท่ากับค่าเฉลี่ย (71%) โดยคะแนนความนิยมของนางโอบามาอยู่ที่ 69% ส่วนสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่มีคะะแนนนิยมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ได้แก่ นางบาร์บาร่า บุช ที่ได้ 85% ในปี 1993

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นวิเคราะห์ว่า นางจิล ไบเด็น สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐคนใหม่ จะไม่สามารถทำลายสถิติคะแนนนิยมได้เช่นกัน โดยคะแนนนิยมปัจจุบันของเธอคือ 58% ส่วนคะแนนไม่เป็นที่ชื่นชอบอยู่ที่ 29%