สายการบิน “อเมริกันแอร์ไลน์” ปรับตัวหลังอุตสาหกรรมการบินซบเซา นำไวน์ที่เคยเสิร์ฟบนเครื่องบิน ขายตรงส่งถึงบ้านลูกค้า
วันที่ 21 มกราคม 2564 ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สายการบินต่าง ๆ ยังคงติดข้อจำกัดเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เหลือบริการเที่ยวบินไม่มากนัก นอกจากนี้ ยังถูกสั่งห้ามเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในห้องโดยสาร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหลือเป็นจำนวนมาก
สายการบิน “อเมริกันแอร์ไลน์” จึงผุดไอเดียจำหน่ายและจัดส่งไวน์ส่วนเกิน ยิงตรงถึงมือลูกค้า
บริษัทเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า โปรแกรมใหม่ที่เรียกว่า “อเมริกันแอร์ไลน์ แฟลกชิป เซลลาร์” จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ซื้อไวน์ทั้งในแบบที่สามารถกำหนดการซื้อแต่ละครั้งได้เอง หรือจะสมัครเป็นสมาชิกรายเดือนก็ได้ โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2,969 บาท)
ปกติแล้วไวน์ที่เสิร์ฟบนเครื่องบินของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ มีราคาตั้งแต่ขวดละ 13-40 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 389-1,199 บาท) โดยไวน์ที่ราคาแพงที่สุด มีราคา 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 8,997 บาท) ซึ่งขายเป็นแพค ในแพคประกอบด้วยแชมเปญ 3 ขวด
การสมัครสมาชิกรายเดือนในราคาเกือบ 3 พันบาท ลูกค้าจะได้ส่วนลดในการซื้อไวน์ รวมถึงการจัดส่งไวน์ 3 ขวด นอกจากนี้ ลูกค้ายังจะได้รับไมล์สะสมในทุก ๆ ดอลลาร์ที่ซื้อไวน์
สำหรับไวน์ที่นำมาจำหน่ายนั้น เป็นไวน์ที่ถูกเสิร์ฟให้กับลูกค้าสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ ที่ซื้อตั๋วเครื่องบินประเภท “แฟลกชิป” ซึ่งเป็นตั๋วสำหรับที่นั่งระดับหรูในเที่ยวบินระหว่างประเทศและข้ามทวีป
การแพร่ระบาดของโควิดได้สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมการบิน ส่งผลให้เครื่องบินจำนวนมากต้องจอดนิ่งสนิท ขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศลดลง
อเมริกันแอร์ไลน์เป็นหนึ่งในสายการบินที่ต้องระงับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเที่ยวบิน และลดระยะเวลาที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้โดยสารในช่วงที่โควิดระบาด
จากรายงานผลประกอบการล่าสุดชี้ว่า สายการบินดังกล่าวขาดทุนสุทธิ 3,600 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1 แสนล้านบาท ขณะที่การหาช่องทางจำหน่ายไวน์ครั้งนี้ คาดว่าจะไม่ทำให้ขาดทุนไปมากกว่านี้
“อลิสัน เทย์เลอร์” หัวหน้าฝ่ายบริการลูกค้า เผยว่า บริษัทหวังว่าโปรแกรมส่งไวน์ถึงบ้านลูกค้าจะสร้างยอดขายประมาณ 40,000-50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.1-1.4 ล้านบาท) ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ความพยายามดึงเงินสดจากลูกค้าภาคพื้นดิน ไม่ได้มองที่เม็ดเงินเพียงอย่างเดียว
“แม้รายได้จะมีความสำคัญ แต่โปรแกรมแฟลกชิป เซลลาร์ ก็เป็นอีกเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เดินทางกับเราก็ตาม” บริษัทเผย
“วิธีนี้จะทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสไวน์ขวดเดียวกับที่ลูกค้าบนเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสหรือไม่ก็ชั้นบิสสิเนสได้ดื่มระหว่างเที่ยวบิน”