ปรากฏการณ์ที่นักลงทุนรายย่อยนัดกันผ่านโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม “เรดดิต” (Reddit) ในกลุ่มแชต “วอลล์สตรีตเบตส์” (WallStreetBets) ต่อสู้กับขาใหญ่และผู้จัดการกองทุนในวอลล์สตรีต สร้างปรากฏการณ์ดันราคาหุ้นบริษัทอย่าง “เกมสต็อป” (Gamestop) และ “เอเอ็มซี” (AMC) สูงเป็นประวัติการณ์ จนทำให้กองทุนในวอลล์สตรีตต่างขาดทุนกันไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ใช้เรดดิตกลุ่มนี้ได้พบเจอ “ช่องโหว่” ต่าง ๆ เพื่อเข้ามาเอาชนะ “คนรวย” อย่างนักลงทุนในวอลล์สตรีต
โดยหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นคือแอปพลิเคชั่น “โรบินฮู้ด” ซึ่งทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อขายหุ้นได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งก่อตั้งโดย “วลาดิเมอร์ เทเนฟ” หรือ “วแลด เทเนฟ” นักธุรกิจวัย 34 ปี
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
บิสซิเนส อินไซเดอร์ รายงานว่า เทเนฟใช้ชีวิตแบบ “อเมริกันดรีม” หรือชีวิตตามอุดมคติของผู้อพยพที่ใฝ่ฝันที่สหรัฐอเมริกา เขาเกิดที่ประเทศบัลแกเรีย อพยพมาพร้อมกับครอบครัวตอนอายุ 5 ขวบ และได้เติบโตที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก่อนที่จะหยุดการเรียนในช่วงปริญญาเอก เพื่อมาตั้งบริษัทกับเพื่อนชื่อ “เบจู บาท”
เทเนฟกล่าวถึงไอเดียที่ทำให้เกิด “โรบินฮู้ด” ว่า ตลาดหุ้นในปัจจุบันมีความแตกต่างจากภาพจำในอดีต ตามภาพยนตร์ต่าง ๆ มักจะมีหลายสิบคนเดินโบกกระดาษสีขาวอยู่รวมกัน แต่ยุคปัจจุบันไม่ใช่อีกต่อไป ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ที่ “ดาต้าเซ็นเตอร์” และขึ้นอยู่ที่ว่าใครมีระบบเครือข่ายที่เข้าถึงได้เร็วที่สุดจะเป็นผู้ได้เปรียบในการซื้อขายหุ้น และ “สมาร์ทโฟน” จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการเข้าถึงระบบเทรดดิ้ง และเป็นช่องทางหลักในการทำธุรกรรม เทเนฟเห็นโอกาสจึงเริ่มต้นสร้าง “โรบินฮู้ด” จากตรงนั้น
“โรบินฮู้ด” ก่อตั้งเมื่อปี 2013 เริ่มยังคงเป็นเพียงเว็บไซต์ โดยมีคำอธิบายง่าย ๆ ว่า “เทรดดิ้งไร้ค่าธรรมเนียม หยุดจ่ายเงิน 10 ดอลลาร์เพื่อการเทรดดิ้ง” โดยในวันแรกมีผู้สมัครใช้งานถึง 10,000 คน และเพิ่มเป็น 50,000 คนในอาทิตย์แรก และได้กลายมาเป็นแอปพลิเคชั่น
ซึ่งมีผู้ใช้ทั้งหมด 13 ล้านคนเมื่อปี 2020
เทเนฟกล่าวว่า ความสำเร็จของโรบินฮู้ด คือการที่เป็นแพลตฟอร์มซึ่งเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนรายย่อยได้เทรดหุ้น เหมือนกับนักลงทุนมืออาชีพในวอลล์สตรีต ซึ่งจากการที่ได้ติดตามพฤติกรรมการเทรดของผู้ใช้ และพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่มีการซื้อขายหุ้นผ่านแอปโรบินฮู้ดในมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้น
พร้อมทั้งพบว่าผู้ใช้มีการ “ซื้อหุ้น” มากกว่า “ขายหุ้น” บนแพลตฟอร์ม ผู้ใช้บางคนซื้อหุ้นมากถึง 50 บริษัท โดยอาจซื้อเพียง 1-2 หุ้นต่อบริษัท เพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน ด้วยเงินเพียงเล็กน้อย ซึ่งถ้าไม่ใช่ผ่านแอปพลิเคชั่นนี้คงใช้เงินหลายพันดอลลาร์ ซึ่งนักลงทุนรายย่อยคงมีกำลังซื้อไม่มากพอ
และในช่วงโควิด-19 ที่คนอเมริกันถูกล็อกดาวน์อยู่บ้าน ก็ทำให้มีผู้สนใจการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำก็ทำให้แอปอย่าง “โรบินฮู้ด” เป็นที่สนใจมากขึ้น และกลายเป็นแอปพลิเคชั่นที่ทั้งโลกจับตามองเมื่อกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือการต่อสู้ของนักลงทุนรายย่อย กับกองทุนยักษ์ใหญ่ในวอลล์สตรีต จนทำให้บรรดาขาใหญ่ต้องขาดทุนเจ็บตัวไปตาม ๆ กัน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด “โรบินฮู้ด” ได้ประกาศจำกัดจำนวนหุ้นที่รายย่อยซื้อขายได้ (ฟรี) ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานไม่พอใจอย่างมาก เพราะมองว่าเป็นการปิดกั้นรายย่อยในการลงทุน ซึ่งเป็นเป้าหมายของแอปพลิเคชั่นนี้ ขณะที่เทเนฟระบุว่า เนื่องจากมีกิจกรรมเทรดดิ้งที่เพิ่มมากในหุ้นบางตัว นโยบายดังกล่าวเพื่อปกป้องทั้งบริษัทและนักลงทุนรายย่อย