การรัฐประหารเมียนมาซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในเมียนมาต้องช็อกไปตาม ๆ กัน เพราะหลังสิ้นสุดยุค “รัฐบาลทหาร” ปกครองประเทศ นักลงทุนทั่วโลกต่างให้ความสนใจและแห่เข้าไปลงทุนในเมียนมา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทต่างชาติอาจต้องทบทวนแผนการลงทุนในเมียนมาใหม่ เพราะกองทัพเมียนมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเข้าควบคุมการบริหารประเทศเป็นเวลา 1 ปี
ข้อมูลจากหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของเมียนมา (DICA) รายงานว่า มีนักลงทุน 51 ประเทศที่เข้าไปลงทุนในเมียนมา โดยปีงบประมาณที่ผ่านมา (ตุลาคม 2019-กันยายน 2020) มีการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
- กองทัพเมียนมาประกาศ “ยึดอำนาจ” จากรัฐบาล 1 ปี หลังจับกุมอองซาน ซูจี
- รู้จัก “อองซาน ซูจี” จากวีรสตรีประชาธิปไตย สู่ผู้นำที่ถูกยึดอำนาจ
- ย้อนรอย “รัฐประหาร” 3 ครั้ง ในเมียนมา
ประเทศที่มีการลงทุนในเมียนมามากที่สุด ได้แก่ “สิงคโปร์” 1.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วย “ฮ่องกง” 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ “ญี่ปุ่น” 768 ล้านดอลลาร์ “จีน” 553 ล้านดอลลาร์ และสหราชอาณาจักร 425 ล้านดอลลาร์ ส่วนอุตสาหกรรมที่ต่างประเทศลงทุนในเมียนมามากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงาน การผลิต และอสังหาริมทรัพย์ ตามลำดับ
นิกเคอิ เอเชียรายงานว่า จากที่กองทัพเมียนมาดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างการตัดเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต การบล็อกเข้าใช้ “เฟซบุ๊ก” และอื่น ๆ ที่กองทัพอาจออกคำสั่งเพิ่ม ทำให้นักลงทุนต่างชาติต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำเมียนมารายงานว่า นักลงทุนญี่ปุ่นบางรายได้ตัดสินใจระงับการทำธุรกิจในเมียนมาชั่วคราว อย่างบริษัทรถยนต์ “ซูซูกิ มอเตอร์” และบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ “เดนโซ่” ซึ่งได้ประกาศปิดโรงงานชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยแก่พนักงาน โดยยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะทำการผลิตต่อเมื่อไหร่
ด้าน “โตโยต้า มอเตอร์” ซึ่งมีแผนจะเปิดเดินเครื่องโรงงานในเมียนมาเดือน ก.พ.นี้ ก็กำลังดูความชัดเจนว่าจะเปิดเดินเครื่องหรือไม่ รวมถึง “มิตซูบิชิ คอร์ป” และ “มิตซุย แอนด์โค” บริษัทจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร และปุ๋ย ก็ให้พนักงานทำงานที่บ้านเพื่อความปลอดภัย
- เบื้องหลังปฏิบัติการข่าวสาร-การยึดอำนาจของ “กองทัพเมียนมา”
- “ไบเดน” ขู่คว่ำบาตรเมียนมา-นักวิเคราะห์ชี้อำนาจสหรัฐฯมีจำกัด
สำหรับธุรกิจของสิงคโปร์ ส่วนใหญ่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง โดยสถาบันการเงินทั้ง “ยูโอบี” และ “โอซีบีซี” แจ้งเปิดบริการหลังปิดทำการไปเพียง 1 วัน รวมถึง “เคปเปิล แลนด์” ยักษ์อสังหาริมทรัพย์ระบุว่า ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ขณะที่ “โกลเด้น ซันแลนด์” บริษัทผู้ผลิตข้าวในเมียนมา ประกาศปิดออฟฟิศ 1 สัปดาห์ แต่ในส่วนของแปลงนาข้าวยังสามารถทำงานได้ตามปกติ ยกเว้นในส่วนของ “แกร็บ” ก็ต้องระงับบริการไปชั่วคราว เนื่องจากปัญหาการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตในประเทศ
อย่างไรก็ดี “ดาร์เรน ลาม” ประธาน “สตาร์ เอนจิเนียร์ ยูไนเต็ด” บริษัทธุรกิจก่อสร้างสัญชาติสิงคโปร์ ระบุว่าเป็นกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยของพนักงานในเมียนมา และความไม่ชัดเจนถึงอนาคต
“อัลเบิร์ต อุง” ประธานหอการค้าฮ่องกง-เมียนมา มองว่าจะมีผลกระทบในระยะสั้น แต่ยังคงต้องรอดูความชัดเจนต่อไปว่า ทางกองทัพจะมีมาตรการอะไรออกมา อย่างไรก็ดี ยังคงมีความมั่นใจในการลงทุนในเมียนมา ถึงแม้จะมีรัฐประหารก็ตาม