หลังจากยอดผู้ประท้วงที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมพุ่งเกิน 50 ราย ยูเอ็นได้เตือนว่า ผู้บัญชาการทหารจะโดนมาตรการคว่ำบาตรเพิ่ม และเมียนมาอาจกลับไปสู่ยุคที่ถูกตัดขาดจากต่างประเทศ แต่กองทัพระบุว่า ชินกับมาตรการคว่ำบาตรแล้ว และ “อยู่กับเพื่อนไม่กี่คน” ได้
วันที่ 4 มีนาคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน “คริสติน ชราเนอร์ เบอร์เกอเนอร์” ทูตพิเศษแห่งสหประชาชาติเมียนมา แถลงการณ์ว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 ราย นับเป็นวันที่ “นองเลือด” ที่สุด ตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดยจากตัวเลขเมื่อวาน ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดเกิน 50 ราย แต่ยังไม่มีการรายงานตัวเลขที่ชัดเจน
เบอร์เกอเนอร์ได้เตือนกับผู้บัญชาการทหารว่า ถ้าหากยังคงใช้ความรุนแรงต่อผู้ประท้วง อาจจะเจอมาตรการคว่ำบาตรเพิ่ม และประเทศอาจกลับเข้าสู่ยุคที่ถูก “ปลีกตัว” โดยต่างชาติ แยกออกไปเลย
แต่ทว่า ผู้บัญชาการทหารตอบกลับมาว่า กองทัพเมียนมาชินกับการคว่ำบาตรแล้ว และประเทศต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ “กับเพื่อนไม่กี่คน” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าหน่วยงานต่างชาติไม่ได้มีอิทธิพลกับประเทศขนาดนั้น
ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council หรือ UNSC) ได้มีการนัดประชุมวันพรุ่งนี้ (5 มี.ค.) เรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเมียนมา
แม้การสลายการชุมนุม จะอันตรายมากแค่ไหนก็ตาม แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง สนับสนุนประชาธิปไตย มุ่งหน้านัดกันชุมนุมประท้วงต่อต้านการรัฐประหารต่อวันนี้ (4 มี.ค.)
