ไบเดน ยืนยัน ผู้ใหญ่ทุกคนฉีดวัคซีนโควิดได้ตั้งแต่ 1 พ.ค.

REUTERS/Tom Brenner

ไบเดนยืนยันว่า สั่งหน่วยงานของแต่ละรัฐ ชนเผ่า และดินแดน จัดการโครงการฉีดวัคซีน เพื่อให้ผู้ใหญ่ในประเทศทุกคนมีสิทธิ์ในการฉีดวัคซีนโควิดได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2564 เป็นต้นไป

วันที่ 12 มีนาคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐ แถลงการณ์ว่า เป้าหมายต่อไปของโครงการฉีดวัคซีนประเทศ คือการให้ผู้ใหญ่ในประเทศทุกคนมีสิทธิ์ในการฉีดวัคซีนโควิดได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2564 เป็นต้นไป พร้อมกับให้ประเทศกลับมาให้อยู่ใน “สภาวะปกติ” ให้ได้มากที่สุดภายในวันที่ 4 ก.ค. 2564 ซึ่งคือวันชาติของอเมริกา (Independence Day)

ไบเดนระบุว่า ได้สั่งให้ทางการของรัฐ ดินแดน และชนเผ่าสหรัฐตั้งระบบรองรับให้ผู้ใหญ่ทุกคนสามารถเข้าถึงการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป โดยตอนนี้สหรัฐจะมีซัพพลายวัคซีนเพียงพอสำหรับการฉีดวัคซีนให้ทุกคนก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม 2564

ทั้งนี้ ไบเดนกล่าวขึ้นแถลงการณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี หลังจากทั่วประเทศสหรัฐเข้าสู่ช่วงล็อคดาวน์จากการระบาดของโรคโควิด-19

โดยกล่าวว่า ถึงแม้ประสบการณ์ของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป แต่เราต่างก็สูญเสียอะไรบางอย่าง

พร้อมกับระบุถึงการทำงานของรัฐบาลก่อนหน้าด้วยว่า รัฐบาลก่อนหน้านี้ ต่างปฏิเสธความอันตรายของไวรัสอยู่หลายวัน หลายอาทิตย์ และหลายเดือน ซึ่งได้นำไปสู่อัตราผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งสร้างความตึงเครียด และความอ้างว้างให้แก่ประชาชน

ตอนนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด 29.9 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต 543,000 ราย ขณะเดียวกันมีชาวอเมริกัน 10% ที่ได้ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสแล้ว

ก่อนการแถลงการณ์นี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ไบเดนเซ็นรับรองอนุมัติร่างกฎหมาย “แพ็กเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแพ็คเกจดังกล่าวประกอบไปด้วยการให้เงินผู้ใหญ่และเด็ก 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 43,000 บาท) ต่อคน สำหรับคนที่มีรายได้น้อยกว่า 75,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

และรัฐบาลจะต่ออายุโครงการมอบสวัสดิการช่วยเหลือบุคคลว่างงาน 300 ดอลลาร์สหรัฐต่ออาทิตย์ ไปจนถึงวันที่ 6 กันยายน 2564

นอกจากนี้ เงินก้อนนี้จะถูกแบ่งไปเป็นกองทุนช่วยเหลือหน่วยงานท้องถิ่นของรัฐ 50 รัฐ, หน่วยงานของเขตและเมือง, ชนเผ่า และดินแดนของสหรัฐ รวมทั้งการขยายสวัสดิการแสตมป์แลกอาหาร และโครงการลดหย่อนภาษี ช่วยเหลือครอบครัวที่มีลูก

รวมถึงกองทุนช่วยเหลือสถานศึกษาให้เปิดได้อย่างปลอดภัย, การต่ออายุโครงการสินเชื่อรายได้ต่ำสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก, กองทุนช่วยเหลือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 และการช่วยเหลือสถานพยาบาลในถิ่นทุรกันดาร เป็นต้น