ออสเตรเลียเดินหน้าใช้วัคซีน ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ ไม่หวั่นกระแสผลข้างเคียง

ที่มาภาพ: REUTERS/Dado Ruvic

ออสเตรเลียเดินหน้าใช้วัคซีน “แอสตร้าเซนเนก้า” แม้ว่าหลายประเทศประกาศหยุดชั่วคราว

วันนี้ (16 มี.ค. 2564) สำนักข่าวซีเอ็นเอรายงานว่า ออสเตรเลียไม่มีแผนที่จะหยุดใช้วัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca COVID-19) แม้ว่าหลายประเทศในยุโรปจะหยุดใช้วัคซีนดังกล่าวชั่วคราว หลังจากมีกระแสเรื่องผลข้างเคียง

เมื่อวานนี้ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน โปรตุเกส และไซปรัส ได้ประกาศร่วมกับหลายประเทศในยุโรป ระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ประชาชนชั่วคราว หลังจากมีรายงานในบางประเทศว่า วัคซีนดังกล่าวมีความเสี่ยงก่อให้เกิดลิ่มเลือด และเกล็ดเลือดต่ำ

“พอล เคลลี่” หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของออสเตรเลีย กล่าวว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าประสบความสำเร็จในการป้องกันโควิด-19 และควรใช้ต่อไป

“รัฐบาลออสเตรเลียยังคงมั่นใจในวัคซีนตัวนี้ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าทำให้เกิดลิ่มเลือด”

โดยประชากรส่วนใหญ่ของออสเตรเลีย 25 ล้านคนจะได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และทางการได้จองวัคซีนไปเกือบ 54 ล้านโดส โดยในจำนวนดังกล่าวจะมี 50 ล้านโดสที่ถูกผลิตในประเทศช่วงสิ้นเดือน มี.ค.

ทั้งนี้ ออสเตรเลียเริ่มฉีดวัคซีนทั่วประเทศเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือช้ากว่าประเทศอื่น ๆ มาก และเริ่มใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ที่ผ่านมาออสเตรเลียมีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 29,100 ราย และผู้เสียชีวิต 909 ราย นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยล่าสุดรัฐนิวเซาท์เวลส์ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลียรายงานเมื่อวานนี้ว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ส่วนรัฐควีนส์แลนด์รายงานว่าเมื่อวันเสาร์ (13 มี.ค.) ว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อ 3 วันติดต่อกัน

ด้าน “แอสตร้าเซนเนก้า” กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบผู้ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ากว่า 17 ล้านคนในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ไม่พบหลักฐานว่ามีความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด

ทั้งนี้ ประเทศอื่น ๆ ในยุโรป เช่น สหราชอาณาจักร และโปแลนด์ ยังคงใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าต่อไป