บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ “ทีเอสเอ็มซี” วางแผนลงทุน 3 ล้านล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า หวังเพิ่มกำลังผลิต “ชิป” สินค้าที่ตอนนี้กำลังขาดตลาดอยู่มาก และได้มีผลกระทบต่อหลากหลายอุตสาหกรรม
วันที่ 2 เมษายน 2564 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติไต้หวัน “ทีเอสเอ็มซี” (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co) ซึ่งเป็นหนึ่งในรายใหญ่ของโลก วางแผนลงทุน 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3 ล้านล้านบาท) ในอีก 3 ปีข้างหน้า หวังเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าที่กำลังขาดตลาดอยู่มาก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ทั้งนี้ “ทีเอสเอ็มซี” วางแผนลงทุน 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (8.76 แสนล้านบาท) ในปีนี้ สำหรับการผลิตและพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ และชิ้นส่วนอย่างไมโครชิพ
ทางบริษัททีเอสเอมซีระบุว่า ความต้องการของสินค้าเซมิคอนดักเตอร์จะยังคงมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้โลกเร่งเปลี่ยนผ่านมาสู่ “ยุคดิจิทัล” มากขึ้น
สินค้าเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งตอนนี้ขาดตลาดอย่างมาก ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่สมาร์ทโฟน เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงเครื่องเล่นเกมส์ และรถยนต์
โดยอุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างมากที่สุด และทำให้บริษัทรถยนต์อย่าง โฟล์คสวาเกน, ฮอนด้า, โตโยต้า, เจเนอรัล มอเตอร์ส ต่างต้องลดการผลิตลง เพราะปัญหานี้
อุตสาหกรรมรถยนต์ได้รับผลกระทบหนักสุด เนื่องจากผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ตัดสินใจที่จะป้อนชิปให้กับบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ก่อนที่จะผลิตให้กับค่ายรถยนต์ หลังช่วงโควิด-19 ระบาดได้ทำให้ความต้องการรถยนต์ลดลง
แต่ทางทีเอสเอมซี สัญญามาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ว่าจะกระจายฐานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์มากขึ้น เพื่อช่วยลดปัญหาสินค้าขาดตลาด