อิสราเอล เลิกข้อบังคับใส่หน้ากากเมื่ออยู่นอกอาคาร

ผู้เชี่ยวชาญบางรายเชื่อว่า ขณะนี้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในอิสราเอลแล้ว และอาจสามารถผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เพิ่มได้อีก

วันที่ 17 เม.ย. 2564 สำนักข่าว The times of israel รายงานว่า อิสราเอลเตรียมยกเลิกมาตรการสกัดโรคโควิด-19 ที่บังคับให้ประชาชนใส่หน้ากากขณะอยู่ในสถานที่เปิด เช่น ตามท้องถนน

รัฐมนตรีสาธารณสุขของอิสราเอล “ยูริ เอเดลสไตน์” ระบุ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายนเป็นต้นไป ชาวอิสราเอล จะไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากใด ๆ เมื่ออยู่ในสถานที่เปิดโล่ง เช่น ตามท้องถนน อีกต่อไป เนื่องจากความสำเร็จของแผนการฉีดวัคซีนในช่วงที่ผ่านมา

“เดิมมาตรการนี้มีเพื่อป้องกันผู้คนจากโรคโควิด-19 แต่ขณะนี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างลงความเห็นว่าการใส่หน้ากากในที่พื้นที่เปิดโล่งไม่จำเป็นอีกต่อไป จึงได้เสนอให้อธิบดีฯ เซ็นคำสั่งยกเลิกมาตรการนี้เสีย”

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีสาธารณสุข ยังย้ำว่า ประชาชนยังต้องใส่หน้ากาก เมื่ออยู่ในพื้นที่ปิด เช่น ห้างสรรพสินค้า รถโดยสารสาธารณะ ฯลฯ

โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในอิสราเอลหลายรายต่างออกมาแสดงความเห็นว่า มาตรการบังคับใส่หน้ากากในสถานที่เปิดนั้นไม่มีความจำเป็นแล้ว เช่นเดียวกับรายการของสื่อในประเทศหลายสำนักที่ ระบุว่า หน่วยงานตำรวจลดความเข้มข้นของการบังคับใช้มาตรการนี้ลงในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน พร้อมหันไปโฟกัสเรื่องการละเมิดมาตรการกักตัวแทน

ทั้งนี้การระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้สถานการณ์การระบาดในอิสราเอลคลี่คลายอย่างรวดเร็วในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยปัจจุบันชาวอิสราเอลมากกว่า 50% หรือ 4,961,238 คน ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว และ 5,338,967 คนได้รับวัคซีนเข็มแรก ทำสถิติเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 ได้เร็วที่สุดในโลก

ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างมาก จนภาคธุรกิจ สถานที่จัดอีเวนต์และกิจกรรมอื่น ๆ สามารถกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง

ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล ณ วันที่ 15 เมษายน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 196 ราย ส่วนยอดผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 836,706 คน และมียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6,314 ราย