“โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการะบุว่า จะลด “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” หรือการปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจก 50-52% ภายในปี 2030 และเตือนว่า หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นกว่านี้ อาจเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงมากขึ้น
วันที่ 23 เมษายน 2564 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการะบุว่า จะลด “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” (carbon footprint) หรือการปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจก 50-52% ภายในปี 2030
- เปิด 10 อันดับ สายงานราชการที่จะเกษียณอายุมากสุดในระยะสิบปี
- ธ.ก.ส. โอนเงิน “ไร่ละพัน” รอบที่ 8 เข้าบัญชีชาวนาอีกกว่า 1.5 หมื่นครัวเรือน
- “ไชน่าทาวน์ห้วยขวาง” คลายมนต์ขลัง ร้านอาหารหมาล่าแห่ปิดกิจการ
โดยเป็นระดับการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ในระดับเดียวกับที่ประเทศปล่อยเมื่อปี 2005
ทั้งนี้ ไบเดนแถลงการณ์ดังกล่าว ขณะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผ่านทางออนไลน์กับผู้นำโลกอีก 40 คน ว่าด้วยเรื่องการแก้วิกฤตโลกร้อน
ไบเดนระบุ นักวิทยาศาสตร์กำลังแสดงสัญญาณที่ชัดเจนว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้าทั่วโลกต้องร่วมกัน “ตัดสินใจ” เพื่อแก้วิกฤตภาวะโลกร้อน
“เราต้องรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้เกินไปอีก 1.5 องศาเซลเซียส เพราะหากเกินนี้ จะทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงอย่างไฟไหม้ น้ำท่วม ภัยแล้ง คลื่นความร้อน และพายุเฮอริเคน เพิ่มมากขึ้น และจะทำลายชุมชน วีถีชีวิต รวมถึงชีวิตผู้คน” ไบเดนกล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเทศอินเดียและจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์มากที่สุดในโลก ซึ่งเข้าร่วมการประชุมด้วย ไม่ได้มีการประกาศถึงเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์อะไรใหม่