‘สิงคโปร์’ เดิมพันเปิดประเทศ ปักธงจัดงานประชุมระดับโลก

เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา บลูมเบิร์กจัดอันดับ “สิงคโปร์” เป็นประเทศที่แข็งแกร่งและฟื้นตัวจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดีที่สุดในโลก รวมทั้งยังเป็นประเทศที่ประชาชน 20% ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในประเทศแถบเอเชีย

แต่เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่า โรคโควิด-19 เริ่มกลับมาระบาดในสิงคโปร์ จนทำให้ทางการออกมาตรการควบคุมการระบาดของโรคที่เข้มงวดขึ้น ตั้งแต่ 8-30 พ.ค.

“ลอว์เรนซ์ หว่อง” รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ระบุว่า แม้สิงคโปร์จะมีมาตรการควบคุมการระบาดที่มีประสิทธิภาพมาตลอด โดยเฉพาะมาตรการ “ปิดประเทศ” แต่สิงคโปร์เป็นเพียงประเทศจุดแดงเล็ก ๆ บนโลก ไม่สามารถพึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศได้เหมือนจีนและออสเตรเลีย การเปิดประเทศเพื่อการเดินทาง และการค้าขาย จึงถือเป็น “ชีพจร” สำคัญของเศรษฐกิจสิงคโปร์

ดังนั้น ทางการสิงคโปร์จึงยังปักหมุดดีเดย์ 26 พ.ค.เปิดโครงการ แทรเวล บับเบิล กับฮ่องกง เดินทางท่องเที่ยวระหว่าง 2 เมืองได้โดยไม่ต้องกักตัว

และเดินแผนเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมระดับโลกต่อเนื่อง ตั้งแต่การประชุม “แชงกรี-ลา ไดอะล็อก” ช่วงเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นเวทีที่รัฐมนตรีจาก 40 กว่าประเทศหารือถึงประเด็นความมั่นคง รวมถึงงาน “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม” ซึ่งจะจัดขึ้นเดือน ส.ค. เป็นเวทีที่ผู้นำประเทศ นักธุรกิจชั้นนำ มาร่วมนำเสนอประเด็นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เดือน พ.ย.ยังมีแผนจัดงาน “บลูมเบิร์ก นิว อีโคโนมิก ฟอรั่ม”

ทางการสิงคโปร์รายงานว่า ขณะนี้การจัดงานทุกอย่างยังคงจัดขึ้นตามกำหนดการเดิม แต่จะมีมาตรการควบคุมการระบาดของโรคที่เข้มงวดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ทางการระบุ การตัดสินใจจัดงานที่สิงคโปร์ สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของทั่วโลกถึงการควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ และการจัดงานนี้จะช่วยเข้ามาส่งเสริมอุตสาหกรรมการจัดการและท่องเที่ยวของสิงคโปร์อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การระบาดของโรคเลวร้ายมากกว่านี้ โครงการ “แทรเวลบับเบิล” รวมถึงงานระดับโลกเหล่านี้ก็อาจถูกเลื่อนออกไป หรือยกเลิกไปเลย

ขณะเดียวกัน มาตรการขยายระยะเวลากักตัวสำหรับการเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ ก็จะส่งผลกระทบทำให้ระยะเวลาการนำเข้าแรงงานจากต่างประเทศยาวนานยิ่งขึ้น ทำให้อาจใช้เวลานานถึง 6 เดือน ซึ่งตอนนี้สิงคโปร์ขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิต ก่อสร้าง และอุตสาหกรรมทางทะเล ซึ่งอาจทำให้บางอุตสาหกรรมขาดแคลนแรงงานในระยะยาว และทำให้หลายโครงการก่อสร้างอาจถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด หรือยกเลิกไปเลย

“ตอนนี้ถือเป็นจุดสำคัญที่สุด ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อภายในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วิธีการควบคุมการระบาดอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจึงสำคัญมาก และเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับการควบคุมโรคก่อนเปิดประเทศ โดยหากควบคุมไม่ได้ เสี่ยงที่จะไปมีผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายประเภท” หว่องกล่าว

และหว่องระบุว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ หากยังคงไม่เปิดประเทศ และหลายบริษัทเผชิญอุปสรรคจนต้องปิดกิจการ อาจทำให้ชาวสิงคโปร์มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ แม้ไม่รู้ว่าโรคระบาดจะนานมากแค่ไหน แต่เราต้องเตรียมใจถึง “เส้นทางอันยาวนาน” นี้ และเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ปัญหาที่ลากยาว รวมถึงเตรียมแผนสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งก็คือการที่โรคระบาดจะไม่มีวันหายไป เพราะถ้าสถานการณ์นั้นมาถึง เราก็คงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้


“กัน คิม ยง” รัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์รายงานว่า สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ การเร่งฉีดวัคซีนกับประชาชน แม้วัคซีนจะไม่ได้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่สามารถลดการแสดงอาการของโรค รวมทั้งช่วยลดการแพร่ระบาด และจะช่วยควบคุมการระบาดของโรคโควิดภายในประเทศได้อีกครั้ง